Page 202 - 47-2
P. 202

วารสารราชบััณฑิิตยสภา
                                       ปีีที่่� ๔๗ ฉบัับัที่่� ๒ พฤษภาคม–สิิงหาคม ๒๕๖๕
           192                                                  การศาลไทยก่อนและหลังการปฏิิรูปใน ร.ศ. ๑๑๐


                       ที่ี�ถ้้กเพิรียงแลปลวกกินัผูุ้โที่รมที่ั�งลำา แต่ก่อนัที่ำามานัั�นัเหมือนัรั�วแห่งใดีก็

                       เขุ�าไม�ดีามอุดียาแต่ฉเพิาะที่ี�ตรงรั�วนัั�นั ที่ี�อื�นัก็โที่รมลงไปอีก คีรั�นัชิ�านัานัเขุ�า

                       ก็ยิ�งชิำารุดีหนัักลงที่ั�งลำา เปนัเวลาสมคีวรที่ี�ต�องตั�งกงขุึ�นักระดีานัใหม่ให�เปนั
                       ขุองมั�นัคีงถ้าวรสืบัไป แลเปนัการสำาคีัญยิ�งใหญ่ที่ี�จะต�องจัดีการโดียเร็ว...


                      จึากนั�นทรงเร�งให้มีการปรับปรุงศาลในกรุงเทพิมหานครซึ่ึ�งเป็นราชี้ธานีก�อน พิระเจึ้า
           น้องยู่าเธอ พิระองค์เจึ้าสัวัสัดิโสัภณ (ต่�อมาคือสัมเด็จึพิระเจึ้าบรมวงศ์เธอ กรมพิระสัวัสัดิวัดนวิศิษฎ์)
           ซึ่ึ�งได้รับมอบหมายู่ให้วางโครงร�างการจึัดต่ั�งกระทรวงยูุ่ต่ิธรรมปฏิิร่ประบบกฎหมายู่และการศาลให้เป็น

           แบบชี้าต่ิต่ะวันต่ก  เมื�อวันที� ๒๔ มีนาคม ร.ศ. ๑๑๐ พิระเจึ้าน้องยู่าเธอ พิระองค์เจึ้าสัวัสัดิโสัภณกราบท่ล

           เสันอต่ั�งกระทรวงยูุ่ต่ิธรรมเพิื�อจึัดการศาลให้เรียู่บร้อยู่เป็นแบบสัมัยู่ใหม� มีความต่อนหนึ�งว�า
                            ... ศาลนัคีรบัาล ๑ ศาลแพิ่งเกษม ๑ ศาลแพิ่งกลาง ๑ ศาลกรมวังสมในั
                       ๑ ศาลอาญานัอก ๑ ศาลอุที่ธรณมหาดีไที่ย ๑ ศาลกรมนัา ๑ ศาลกรมที่่า

                       ๓ ศาลต่างประเที่ศ ๑ ศาลราชิตระก้ล ๑ ศาลมรฎก ๑ ศาลสรรพิากรพิระคีลัง

                       ๑ ศาลธรรมการ ๑ รวมเปนั ๑๕ ศาลกับัศาลฝ่ายพิระราชิวังบัวรที่ี�ตั�งอย้่ในั
                       กรุงเที่พิ ไดี�พิิจารณาคีดีีที่ั�งปวงและขุึ�นักับัอธิบัดีีณะกรมต่าง ๆ นัั�นั ขุอ
                       พิระราชิที่านัให�ยกคีดีีเหล่านัี� กับัผู้้�พิิพิากษาตระลาการในักระที่รวงศาล

                       ที่ั�งปวง มารวมยังกระที่รวงศาลสถ้ิตยยุติธรรมที่ี�ตั�งขุึ�นัเป็นักระที่รวงใหญ่ไดี�

                       บัังคีับับััญชิาคีดีีที่ังปวง การที่ี�รวมศาลบัังคีับัในักระที่รวงยุติธรรมที่ี�เดีียวนัี�
                       การทีุ่่มเถ้ียงกันัดี�วยแย่งกระที่รวงก็จะไม่มีไดี�ต่อไป... (เอกสัารหอจึดหมายู่เหตุ่
                       แห�งชี้าต่ิ, ร.ศ. ๑๑๐)


                      ต่�อมาในวันที� ๒๕ มีนาคม พิ.ศ. ๒๔๓๔ ทรงออกประกาศต่ั�งกระทรวงยูุ่ต่ิธรรม ร.ศ. ๑๑๐
           (พิ.ศ. ๒๔๓๔) ซึ่ึ�งเป็นการวางรากฐานโครงสัร้างศาลยูุ่ต่ิธรรมใหม�โดยู่จึัดระบบศาลแบบต่ะวันต่ก มีแนวคิด

           แยู่กฝ่่ายู่บริหารออกจึากฝ่่ายู่ตุ่ลาการ โดยู่รวบรวมศาลต่�าง ๆ ในกรุงเทพิมหานครที�กระจึัดกระจึายู่อยู่่�

           ต่ามกระทรวงทบวงกรมต่�าง ๆ รวม ๑๖ ศาล มารวมไว้แห�งเดียู่วในกระทรวงยูุ่ต่ิธรรมและยูุ่บรวมให้
           เหลือเพิียู่ง ๗ ศาล ได้แก�
                      ๑)  ศาลอุทธรณ์คดีหลวง จึากเดิมเป็นศาลฎีกา (คดีที�ราษฎรถวายู่ฎีกาถึงพิระเจึ้าแผู้�นดิน)

                      ๒)  ศาลอุทธรณ์คดีราษฎร์ จึากเดิมเป็นศาลอุทธรณ์มหาดไทยู่

                      ๓)  ศาลพิระราชี้อาญา โดยู่นำาศาลนครบาลและศาลอาญานอกมารวมกัน
   197   198   199   200   201   202   203   204   205   206   207