Page 71 - 46-1
P. 71

วารสารราชบััณฑิิตยสภา
                                          ปีีที่่� ๔๖ ฉบัับัที่่� ๑  มกราคม-เมษายน ๒๕๖๔
             นางสาวกนกวลีี ชููชูัยยะ                                                          63


                     ประพฤติธรรมประการท่� ๓ คัือ “ปรม่ลมาซึ่่�งพระราชิทรัพยโดั่ยยุติธรรม” ในการรวบรวม

             พระราชทรัพย์์เพื�อเป็นราย์ได้ของแผู้่นดินนั�น พระบาทสมเด็จพระพุทธเลัิศหลั้านภาลััย์ม่พระราโชบาย์

             ให้พระบรมวงศานุวงศ์แลัะขุนนางผู้้้ใหญ่ได้กำากับด้แลัหน่วย์งานท่�คัวบคัุมผู้ลัประโย์ชน์ทางเศรษัฐกิจ
             แลัะการเมือง โดย์เฉพาะพระราชโอรสพระองคั์ใหญ่คัือ พระเจ้าลั้กย์าเธอ กรมหมื�นเจษัฎาบดินทร์
             (พระองคั์เจ้าทับ)  ซึ่ึ�งต่อมาคัือพระบาทสมเด็จพระนั�งเกลั้าเจ้าอย์้่หัว  ทรงม่ประสบการณ์เช่�ย์วชาญในด้าน

             การคั้าสำาเภา  ได้ทรงกำากับกรมพระคัลัังแลัะกรมท่า ทำาหน้าท่�คัวบคัุมการคั้า ด้แลัการคั้าสำาเภาของหลัวง

             แลัะการติดต่อการคั้ากับต่างประเทศ พระปร่ชาด้านการคั้าของพระองคั์เป็นท่�ประจักษั์ชัด จนกระทั�ง
             พระบาทสมเด็จพระพุทธเลัิศหลั้านภาลััย์ตรัสเร่ย์กพระองคั์ว่า “เจ้าสัว” (สำานักงานราชบัณฑิิตย์สภา,
             ๒๕๖๓ : ๑๘๖) ภาษั่อากรท่�เร่ย์กเก็บจากราย์ได้อันเกิดจากการประกอบอาช่พต่าง ๆ ของราษัฎรนั�น

             สำาหรับอากรสมพัตสร อากรคั่าสวน อากรคั่านา พระบาทสมเด็จพระพุทธเลัิศหลั้านภาลััย์โปรดเกลั้าฯ

             ให้ม่ข้าหลัวงออกไปดำาเนินการรังวัดนาด้วย์คัวามย์ุติธรรม เพื�อมิให้เอาเปร่ย์บราษัฎร หากเป็นนา
             ท่�เป็นผู้ลัประโย์ชน์ของวัดมิให้นำามาปะปนกับนาราษัฎร แลัะเมื�อรังวัดแลั้วเศษัเนื�อท่�เป็นวาให้ย์กให้แก่
             ราษัฎรไม่ต้องนำามารวมคัำานวณภาษั่ ดังปรากฏิตามร่างท้องตรา เรื�องข้าหลัวงรังวัดนาออกตราจอง

             ท่�ดิน จ.ศ. ๑๑๗๓ คัวามตอนหนึ�งว่า

                     ...ข้าหลวงผิ่้กำากับัสืบัถามเถ้าแก�ผิ่้ใหญ�นัายบั้านัแลราษีฎรผิ่้ทำานัาว�าเป็นั

                     นัาสัตพระสงฆ์์หรือนัาพลทากอนั ถ้าเป็นันัาสัตพระสงฆ์์ก็ให้มีโฉนัดั่ตราแดั่ง

                     ไว้ว�าเป็นันัาสัตพระสงฆ์์ จ้ะไดั่้จ้ัดั่แจ้งไว้เป็นัข้าวเกณฑิ์บัุญ อย�าให้ระคีนัปนักันักับั
                     นัาพลทากอนั...แลข้าหลวงผิ่้รังวัดั่แต�ก�อนัไดั่้รับัพระราชิทานัแต�เท�านัี� ถ้ารังวัดั่
                     นัาบั้านัใดั่ตำาบัลใดั่ ถ่งวันัพระ ๑๕ คีำ�า ๘ คีำ�า ให้แม�กองผิ่้ใหญ� หลวง และกรมการ

                     ผิ่้กำากับั เสมียนัแลเสนัานัายอำาเภอกำานัันั พันันัายบั้านัผิ่้ชิักกระแสพยานั   พร้อมกันั
                                                                              ๑
                     ณ วัดั่วาอารามแล้วให้สบัถสาบัานัตัวจ้งหนัักหนัา ให้รังวัดั่นัาของราษีฎรแต�โดั่ย
                     สัจ้โดั่ยจ้ริง อย�าไดั่้เบัียดั่บัังเอานัานั้อยให้เป็นัมาก นัามากเอาเป็นันั้อยเป็นัอันัขาดั่
                     ทีเดั่ียว...แต�ในัเรือนัไร�กับังานัเศษีวาในัตราแดั่งนัั�นั อย�าให้คีิดั่เอาแก�ราษีฎรเลย...

                     (กรมศิลัปากร, ๒๕๑๓ : ๓๘-๔๐)

                     ประพฤติธรรมประการท่� ๔ คัือ “รักษีาพระนัคีรราชิเสมาให้ศุขเกษีมโดั่ยยุติธรรม” พระบาท

             สมเด็จพระพุทธเลัิศหลั้านภาลััย์ม่พระราชดำาริว่า  ฝ่ิ�นเป็นย์าเสพติดร้าย์แรงเป็นบ่อเกิดของอาชญากรรม


             ๑   พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิิตย์สถึาน พ.ศ. ๒๕๕๔ อธิบาย์เส้นกระแสว่า เส้นวัดท่�ดินทำาด้วย์หวาย์หรือเหลั็ก เป็นต้น
   66   67   68   69   70   71   72   73   74   75   76