Page 85 - PDF File วารสารราชบัณฑิตยสภา
P. 85

วารสารราชบััณฑิิตยสภา
                                                ปีีที่่� ๔๘ ฉบัับัที่่� ๒ พฤษภาคม-สิิงหาคม ๒๕๖๖

                      ดร.อนัันัต์์  เหล่่าเล่ิศวรกุุล่                                                      73



                           ป็ระเพณีแต่งงานแบบจีนโบราณกั็เช่นกััน บัญญัติให้บ่าวสาวต้องกัระทำพิธี สามคีำนัับั คือ

                           ๑. คำนับฟ้้าดิน
                           ๒.  คำนับบิดรมารดา

                           ๓.  คู่บ่าวสาวคำนับกัันและกััน
                           ที�ให้คำนับฟ้้าดิน กั็เพื�อแสดงกัตัญญููกัตเวทิตาอันเป็็นนิมิตแห่งคนดีต่อป็ฐมเทพและเทวีผู่้บันดาลให้โลกั

                    นี้บังเกัิดพืชผ่ลอุดมสมบูรณ์ และเป็็นอุบายให้คู่บ่าวสาวบังเกัิดความมั�นใจว่า ทั้งสองจะให้กัำเนิดบุตรดำรงวงศั์
                    ตระกัูลต่อไป็ได้เช่นเดียวกัับที�เราทั้งหลายได้ถัือกัำเนิดข้ึ้นใต้ฟ้้าอันไพศัาลและแผ่่นดินอันกัว้างใหญ่อุดมสมบูรณ์




                    สัรุป

                           เทวตำนานซึ�งแต่ละชาติเล่าเป็็นป็รัมป็ราคติสืบต่อกัันมานั้น คนส่วนใหญ่มักัฟ้ังโดยมุ่งความเพลิดเพลิน
                    เป็็นสำคัญ แต่หากัฟ้ังแบบพินิจ และใช้ความรู้ทางศััพทมูลวิทยาเข้้าพิจารณา รวมทั้งนำวัฒนธรรมมาศัึกัษา

                    เป็รียบเทียบ กั็จะเห็นว่า คนโบราณช่างเล่าตำนานได้แยบยลยิ�งนักั และผู่้ฟ้ังได้ป็ระโยชน์มากักัว่าความบันเทิง ตำนาน
                    ความสัมพันธ์ระหว่างฟ้้ากัับดินทำให้รู้ว่า คนโบราณมองป็รากัฏิกัารณ์ทางธรรมชาติด้วยความเข้้าใจอย่างลึกัซึ้ง

                    ว่า ความสัมพันธ์ทางเพศัระหว่างชายหญิงข้องคน สัตว์ และแม้แต่พืชพรรณหลายชนิด คือ ความพยายามที�จะ
                    ดำรงเผ่่าพันธุ์และสืบทอดเผ่่าพันธุ์ข้องตนให้อยู่รอดไป็ตราบเท่านาน ที�สำคัญยังทำให้ตระหนักัว่า คนโบราณมิได้

                    ป็ฏิิบัติหรือแสดงออกัต่อธรรมชาติในทางยำเยงเกัรงกัลัวต่อป็รากัฏิกัารณ์ทางธรรมชาติที�ตนไม่เข้้าใจอย่างถั่องแท้
                    แต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังพยายามเข้้าใจและพยายามอธิบายธรรมชาติโดยอาศััยความรู้ความเข้้าใจที�มีต่อตนเอง

                    และต่อคนต่างเพศั รวมทั้งนำรูป็แบบความสัมพันธ์ระหว่างตนกัับคนอื�นมาสร้างความเข้้าใจเกัี�ยวแกั่ธรรมชาติ
                    รอบตัว คนโบราณไม่มีความรู้ทางวิทยาศัาสตร์ ไม่มีความคิดว่าตนบังคับหรือควบคุมธรรมชาติได้ จึงนอบน้อม

                    ต่อธรรมชาติและป็ฏิิบัติต่อธรรมชาติด้วยความเคารพ รวมทั้งแสดงความกัตัญญููรู้คุณต่อธรรมชาติในรูป็กัารกัราบ
                    ไหว้หรือบวงสรวงบูชา ส่วนคนป็ัจจุบัน เมื�อครอบครองความรู้ทางวิทยาศัาสตร์ได้ กั็ทะนงใจ จึงบังเกัิดทั้งอหังกัาร์

                    และมมังกัาร์ ย�ำยีบีฑาหรือตักัตวงธรรมชาติมาตอบสนองกัิเลสข้องตนแต่ถั่ายเดียวโดยป็ราศัจากัสำนึกั กัารศัึกัษา
                    และตีความเทวตำนาน อาจเป็็นหนทางหนึ�งที�ทำให้คนเราเกัิดสติ และฉุกัคิดว่า เราพึงป็ฏิิบัติต่อธรรมชาติด้วย

                    ความเคารพเหมือนหนึ�งว่าป็ฏิิบัติต่อเทพยดาฟ้้าดิน
   80   81   82   83   84   85   86   87   88   89   90