Page 79 - 47-2
P. 79

วารสารราชบััณฑิิตยสภา
                                         ปีีที่่� ๔๗ ฉบัับัที่่� ๒ พฤษภาคม–สิิงหาคม ๒๕๖๕
             ศาสตราจารย์์สุดาศิริ วศวงศ์                                                      69


                       ๑.๓  การคุ้มีครองให้มีีการจ่ายค่าต่อบแทนการทำางานที�เท่าเทียมีกัน

                             การจ่ายค่าต่อบแทนในการทำางานที�เท่าเทียมีกันได้ถึูกกำาหนดไว้โดยอนุสำัญิญิา

             ฉบับที� ๑๐๐ ว่าด้วยการจ่ายค่าต่อบแทนที�เท่าเทียมีกัน ค.ศ. ๑๙๕๑ (Convention Concerning the
             Equal Remuneration, 1951) กำาหนดให้รัฐต่้องสำ่งเสำริมีให้มีีการกำาหนดอัต่ราค่าต่อบแทนการทำางานที�
             เท่าเทียมีกันสำำาหรับคนงานชายและหญิิง จากการทำางานที�มีีคุณค่าเท่ากันโดยไมี่มีีการเล่อกปฏิิบัต่ิ และ

             ข้อแนะขององค์การแรงงานระหว่างประเทศที�เกี�ยวข้องได้แก่ ฉบับที� ๙๐ ว่าด้วยค่าต่อบแทนที�เท่าเทียมีกัน

             ค.ศ. ๑๙๕๑ (Recommendation Concerning the Equal Remuneration, 1951) มีีสำาระสำำาคัญิ
             เพ่�อสำนับสำนุนแนวทางของอนุสำัญิญิาฉบับที� ๑๐๐ กล่าวค่อ รัฐควรมีีมีาต่รการและเป้าหมีายที�จะทำาให้
             เกิดความีเท่าเทียมีกันในการทำางานอย่างแท้จริง

                       ๑.๔  การคุ้มีครองมีิให้เล่อกปฏิิบัต่ิในการจ้างงานและอาชีพ

                             การคุ้มีครองมีิให้เล่อกปฏิิบัต่ิในการจ้างงานและอาชีพได้กำาหนดไว้ในอนุสำัญิญิา
             ฉบับที� ๑๑๑ ว่าด้วยการเล่อกปฏิิบัต่ิ (การจ้างงานและอาชีพ) ค.ศ. ๑๙๕๘ [Convention Concerning
             the Discrimination (Employment and Occupation), 1958) มีีสำาระสำำาคัญิที�เกี�ยวกับการใช้แรงงาน

             ในข้อ ๕ ที�กำาหนดมีิให้เล่อกปฏิิบัต่ิเน่�องมีาจากความีแต่กต่่างทางเพศ ดังนั�น ในการจ้างงานระหว่าง

             แรงงานหญิิงกับแรงงานชาย นายจ้างจะต่้องดำาเนินการในเร่�องต่่าง ๆ ต่ลอดจนให้ความีคุ้มีครองโดย
             ไมี่นำาเร่�องเพศมีาเป็นเหตุ่ผลในการกีดกัน กดดัน หร่อปฏิิบัต่ิให้แต่กต่่างกัน และข้อแนะขององค์การ
             แรงงานระหว่างประเทศที�เกี�ยวข้องได้แก่ ฉบับที� ๑๑๑ ว่าด้วยการเล่อกปฏิิบัต่ิ (การจ้างงานและอาชีพ)

             ค.ศ. ๑๙๕๘ [Recommendation Concerning the Discrimination (Employment and

             Occupation), 1958] มีีสำาระสำำาคัญิเพ่�อสำนับสำนุนแนวทางของอนุสำัญิญิาฉบับที� ๑๑๑ ให้สำามีารถึ
             ปฏิิบัต่ิได้อย่างมีีประสำิทธิภาพ (ฉันทนา เจริญิศักดิ�, ๒๕๖๒ : ๗-๓๔–๗-๓๕)
                       ๑.๕  การคุ้มีครองเฉพาะหญิิงมีีครรภ์

                             การให้ความีคุ้มีครองแก่ลูกจ้างซึ่ึ�งเป็นหญิิงมีีครรภ์เป็นการเฉพาะได้ถึูกกำาหนดไว้

             ในอนุสำัญิญิาฉบับที� ๑๐๓ ว่าด้วยการคุ้มีครองหญิิงซึ่ึ�งมีีครรภ์ ค.ศ. ๑๙๕๒ (Convention on Maternity
             Protection, 1952) มีีสำาระสำำาคัญิดังนี�
                             (๑)  การลาคลอดได้กำาหนดระยะเวลาที�หญิิงควรจะมีีสำิทธิในการลาคลอดไว้

             ไมี่น้อยกว่าสำิบสำองสำัปดาห์ โดยที�หกสำัปดาห์หลังควรจะเป็นการลาหลังคลอด แต่่ถึ้าวันคลอดล่าช้ากว่า

             กำาหนดหร่อกรณีเจ็บป่วยอันเป็นผลต่่อเน่�องจากการต่ั�งครรภ์ ก็สำามีารถึย่ดระยะเวลาในการลาคลอด
             ออกไปได้อีก
   74   75   76   77   78   79   80   81   82   83   84