Page 65 - 46-1
P. 65
วารสารราชบััณฑิิตยสภา
ปีีที่่� ๔๖ ฉบัับัที่่� ๑ มกราคม-เมษายน ๒๕๖๔
นางสาวกนกวลีี ชููชูัยยะ 57
ว่าพระมหากษััตริย์์ไทย์ในมหาจักร่บรมราชวงศ์ ทรงใช้ประพฤติธรรม ๔ ประการมาเป็นหลัักในการ
ปกคัรองแลัะบริหารราชการแผู้่นดินอย์่างไร
พระมหากษััตริย์์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชูย์์กับการใชู�ประพฤติธรรม ๔ ประการ
ในการบริหารราชูการแผู้่นดีิน
พระมหากษััตริย์์ในระบอบสมบ้รณาญาสิทธิราชย์์นั�นทรงพระราชอำานาจเป็นลั้นพ้น พระราช-
โองการไม่ว่าเรื�องใดถึือเป็นกฎหมาย์ ผู้้้รับพระราชโองการม่หน้าท่�ต้องปฏิิบัติตามโดย์เคัร่งคัรัด ผู้้้ใดฝ่่าฝ่ืน
ต้องถึ้กลังโทษัอย์่างเฉ่ย์บขาดตามหนักแลัะเบาแห่งการฝ่่าฝ่ืนนั�น ม่ข้อคัวามในพระราชกำาหนดเก่า
ฉบับท่� ๕๐ (ราชบัณฑิิตย์สถึาน, ๒๕๕๐(๒) : ๙๑๓) ซึ่ึ�งเป็นกฎหมาย์เก่าแต่คัรั�งปลัาย์กรุงศร่อย์ุธย์า
ซึ่ึ�งปรากฏิหลัักฐานว่าตราขึ�นเมื�อจุลัศักราช ๑๑๐๒ ปีวอกโทศก ตรงกับพุทธศักราช ๒๒๘๓ ในรัชสมัย์
สมเด็จพระเจ้าอย์้่หัวบรมโกศ กลั่าวถึึงพระราชอำานาจของพระมหากษััตริย์์ไว้ว่า “...อนั่�งแผิ�นัดั่ินั
เปนัใหญ�แต�สมเดั่จ้์พระมหากระษีัตร ดั่้วยเหตุว�าพระมหากระษีัตรเจ้้านัั�นั เปนัสมมุติเทวดั่าจ้ะให้ผิ่้ใหญ�
เปนัผิ่้นั้อย ๆ เปนัใหญ�ก็ไดั่้ ถ้าสมเดั่จ้์พระมหากระษีัตรมีพระราชิโองการดั่้วยกิจ้สิ�งใดั่ ๆ ก็ดั่ี ดัุ่จ้ดั่ั�ง
ขวานัฟ้า ถ่�งมาทว�าผิ�าถ่กต้องต้นัไม้แลภ่เขา มิอาจ้ษีามาดั่จ้ะทนัทานัไดั่้ย�อมจ้หักทำาลายไป ถ้าจ้ะมี
พระราชิโองการตรัสสั�งให้ห้ามสิ�งใดั่ ก็ขาดั่เปนัสิทสิ�งนัั�นั...” (ราชบัณฑิิตย์สถึาน, ๒๕๕๐(๒) : ๙๑๗)
แลัะในพระไอย์การอาชญาหลัวงกำาหนดว่า “พระเจ้้าอย่�หัวผิ่้ดั่ำารงพระธรณี มีพระคีุณนัั�นัอนัันัตเปนัขอบั
คีันักันัสรรพไภยดั่ั�งเขาจ้ักรวาฬอันักางกั�นัแผิ�นัดั่ินัไว้ หมีให้เหลวไหลไปไดั่้” (ราชบัณฑิิตย์สถึาน, ๒๕๕๐
(๒) : ๓๕๐)
พระบาทสมเด็จพระจุลัจอมเกลั้าเจ้าอย์้่หัวม่พระราชดำารัสทรงแถึลังพระบรมราชาธิบาย์
แก้ไขการปกคัรองแผู้่นดินถึึงพระราชอำานาจของพระมหากษััตริย์์ว่า “อนั่�งพระบัรมเดั่ชิานัุภาพของ
พระเจ้้าแผิ�นัดั่ินักรุงสยามนัี� ไม�ไดั่้มีปรากฎในักฎหมายอันัหนั่�งอันัใดั่ ดั่้วยเหตุถือว�าเป็นัที�ล้นัที�พ้นั ไม�มี
ข้อใดั่สิ�งอันัใดั่หรือผิ่้ใดั่จ้ะเป็นัผิ่้บัังคีับัขัดั่ขวางไดั่้ แต�เมื�อว�าตามคีวามที�เป็นัจ้ริงแล้ว พระเจ้้าแผิ�นัดั่ินั
จ้ะทรงประพฤติการอันัใดั่ก็ต้องเป็นัไปตามทางที�สมคีวรแลที�เป็นัยุติธรรม...” (พระบาทสมเด็จ
พระจุลัจอมเกลั้าเจ้าอย์้่หัว, ๒๕๒๖ : ๑๐๖) จะเห็นได้ว่าพระมหากษััตริย์์ไทย์ในระบอบสมบ้รณาญา-
สิทธิราชย์์นั�นแม้ทรงพระราชอำานาจเป็นลั้นพ้น แต่ก็ทรงระมัดระวังอย์่างย์ิ�งในการใช้พระราชอำานาจ
ทรงบัญญัติไว้เป็นหลัักป้องกันเป็นทำานองจำากัดพระราชอำานาจของพระองคั์เองเพื�อมิให้เกิดกรณ่
การใช้พระราชอำานาจโดย์ไม่รอบคัอบไว้ในกฎหมาย์ฉบับต่าง ๆ เช่น ในกฎมณเฑิ่ย์รบาลับทหนึ�งบัญญัติ
ไว้ว่า ในขณะท่�พระมหากษััตริย์์ทรงพระพิโรธห้ามมิให้ข้าราชบริพารคันใดย์ื�นพระแสงดาบให้เป็น
อันขาด ผู้้้ใดฝ่่าฝ่ืนโทษัถึึงตาย์ ดังคัวามว่า “อนั่�งธรงพระโกรธแก�ผิ่้ใดั่ แลตรัสเรียกพระแสงอย�าให้