Page 230 - 45 2
P. 230
วารสารราชบััณฑิิตยสภา
ปีีที่่� ๔๕ ฉบัับัที่่� ๒ พฤษภาคม-สิิงหาคม ๒๕๖๓
220 ศาสตร์์การ์เร์ียบเร์ียงเพลงไทยสำาหร์ับเคร์่�องดนตร์ีสากล
หัน�วยงานและบุคลากรที�เกี�ยวข้องในการอนุรักษ์์และเผู้ยแพร�เพลงไทยใหั้กว้างขวางข่�น
ได้้ใช้พลังและงบป็ระมาณ์เพ่�อการนี� แต�ผู้ลที�ได้้รับยังน้อยมากเน่�องจากไม�สามารถึต้านกระแสตะวันตก
ที�ถึาโถึมเข้ามาได้้ การนำาเพลงไทยอันทรงคุณ์ค�ามาเรียบเรียงด้้วยเสียงป็ระสานตะวันตกและบรรเลง
ด้้วยเคร่�องด้นตรีสากล หัร่อผู้สมผู้สานกันด้้วยวิธีใด้วิธีหัน่�ง น�าจะเป็็นกลวิธีสำาคัญในการเชิญชวนใหั้
คนไทยหัันมามองและสนใจฟัังเพลงไทยมากข่�น เน่�องจากเสียงเคร่�องด้นตรีสากลเป็็นเสียงที�ไพเราะ
คุ้นหั่ เช�นเด้ียวกับเสียงป็ระสานตะวันตก คนไทยได้้ยินได้้ฟัังจนคุ้นเคยตั�งแต�จำาความได้้ ความคุ้นเคย
จะนำาไป็ส่�การยอมรับมากข่�น รวมถึ่งวิธีการนำาเสนอก็ต้องหัาทางไม�ใหั้คนรุ�นใหัม�มองว�าล้าสมัย แต�ยัง
คงรักษ์าความไพเราะและสาระของเด้ิมไว้ใหั้มากที�สุด้
วร์ร์ณักร์ร์มเพลงไทย
ในสมัยกรุงศัรีอยุธยา มีเพลงอัตราสองชั�นขนาด้สั�นที�ไม�ทราบนามผู้่้ป็ระพันธ์เกิด้ข่�นเป็็น
จำานวนมาก และส่บทอด้จากการบอกเพลงหัร่อต�อเพลงมาจนทุกวันนี�โด้ยไม�มีการจด้บันท่กอย�างเป็็น
กิจจะลักษ์ณ์ะ บทเพลงจำานวนหัน่�งได้้รับการพัฒนาและขยายเป็็นบทป็ระพันธ์เพลงชิ�นใหัญ�ข่�น
ซัับซั้อนข่�น ทั�งทางเด้ี�ยว ทางร้อง และทางบรรเลง ต�อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์มีนักแต�งเพลงชั�นนำา
เกิด้ข่�นหัลายคน และได้้สร้างสรรค์บทเพลงขั�นส่งไว้เป็็นวรรณ์กรรมเพลงไทยขนาด้ใหัญ�ที�ตกทอด้
มาจนถึ่งป็ัจจุบัน
บทเพลงเหัล�านี�มีความเป็็นอมตะและเป็็นสมบัติของชาติ คร่บาอาจารย์รุ�นเก�าได้้ใช้เวลา
สรรค์สร้างงานดุ้ริยางคศัิลป็์ด้้วยความป็ระณ์ีตต�อเน่�องมาหัลายร้อยป็ี ทั�งการบรรเลงเคร่�องด้นตรี
และการป็ระพันธ์เพลง วรรณ์กรรมเพลงไทยชุด้นี�มีคุณ์ค�าและควรค�าแก�การอนุรักษ์์ส่บทอด้ใหั้อนุชน
รุ�นหัลังได้้เก็บรักษ์า เพ่�อการศั่กษ์าเชิงอนุรักษ์์และพัฒนาต�อยอด้ใหั้เป็็นมรด้กชั�วล่กชั�วหัลาน
ไวยากร์ณั์เสียงปัร์ะสานตะวันตกตามแบบแผน
ในด้นตรีตะวันตก เสียงป็ระสานเป็็นส�วนป็ระกอบสำาคัญป็ระการหัน่�งของด้นตรี โด้ยเฉัพาะ
ด้นตรีแบบแผู้นหัร่อด้นตรีตามขนบในคริสต์ศัตวรรษ์ที� ๑๗-๑๙ ซั่�งมีหัลักไวยากรณ์์เสียงป็ระสาน