Page 46 - 22-0722 EBOOK
P. 46

วารสารราชบััณฑิิตยสภา
                                        ปีีที่่� ๔๖ ฉบัับัที่่� ๓  กัันยายน-ธัันวาคม ๒๕๖๔
           36                                                       แนวคิิดการกินอาหารอย่่างไรกาย่ใจเป็็นสุุข


                      ตามีตารางข้างต้นั หนั�วยตวงวัดที�ใช้เป็นัหนั�วยที�ใช้ในัครัวเรือนั เช�นั ทัพุพุี ช้อนักินัข้าว

           แก้ว ยกเว้นัผลไมี้ แนัะนัำาเป็นัส�วนั

                      ลักษัณะ ชนัิด และประเภทอาหารที�ควรกินั  เป็นัไปตามีสภาพุทางภ่มีิศาสตร์  สภาพุอากาศ
           ของแต�ละท้องถีิ�นัหรือภาคของประเทศไทย ซึ่่�งมีีภ่เขาส่งทางภาคเหนัือ มีีแมี�นัำ�าหลายสายไหลลงมีาส่�
           ภาคกลางที�ราบลุ�มี รวมีเป็นัแมี�นัำ�าเจ้าพุระยาออกส่�ทะเล  ส�วนัทางภาคใต้มีีทะเลทั�ง ๒ ฝึั�ง แต�ทุกพุื�นัที�

           สามีารถีปล่กข้าวเป็นัหลัก จ่งมีีข้าวกินัประกอบอาหารคาว อาหารว�าง และอาหารหวานัที�หลากหลาย

           ตามีแต�ละภ่มีิภาค โดยอาจกินัข้าวเจ้าในัภาคกลาง กินัข้าวเหนัียวในัภาคเหนัือและภาคตะวันัออก
           เฉีียงเหนัือ กินัขนัมีจีนัที�ทำาจากแป้งข้าวและกินัข้าวยำาทางภาคใต้  อาหารว�างและอาหารหวานัก็อาจ
           ทำาจากข้าวหรือแป้งข้าวอีกด้วย นัับเป็นัแหล�งพุลังงานัของร�างกาย  ส�วนัอาหารโปรตีนันัั�นัได้จากปลานัำ�าจืด

           ปลาทะเล และยังมีีหมี่ เป็ด ไก� ประกอบเป็นัอาหารคาวที�มีีผักร�วมีในัการปรุงแต�งรสชาติเสริมีกินั

           รวมีกันั เช�นั นัำ�าพุริกกะปิ ปลาท่ทอดกับผักสดชนัิดต�าง ๆ ในัภาคกลาง  นัำ�าพุริกอ�องในัภาคเหนัือ  นัำ�าพุริก
           ปลาร้าในัภาคอีสานั  นัำ�าพุริกกุ้งสดในัภาคใต้  ส�วนัวิตามีินัและเกลือแร�ต�าง ๆ ได้จากผักผลไมี้ตามีฤด่กาล
           ของประเทศไทยเรา ซึ่่�งมีีมีากมีายหลากหลายชนัิด นัิยมีใช้ประกอบอาหารในัลักษัณะสมีุนัไพุรที�มีี

           สรรพุคุณทางยา ทำาให้อาหารไทยเป็นัอาหารที�สามีารถีกินัเพุื�อช�วยเสริมีภ่มีิคุ้มีกันัและช�วยต�อต้านั

           เชื�อโรคต�าง ๆ ได้อีกด้วย  ขอยกตัวอย�าง ๓ กลุ�มี คือ กลุ�มีเสริมีภ่มีิคุ้มีกันั เช�นั พุล่คาวหรือผักคาวตอง
           เห็ดต�าง ๆ ตรีผลา  กลุ�มีที�มีีวิตามีินัซึ่ีและสารต้านัออกซึ่ิเดชันัส่ง เช�นั ดอกขี�เหล็ก มีะระขี�นัก  และกลุ�มี
           ที�มีีสารสำาคัญในัการป้องกันัการติดเชื�อไวรัส  เช�นั  พุล่คาวหรือผักคาวตอง  กะเพุรา  หอมีแดง  หอมีหัวใหญ�

           มีะรุมี ใบหมี�อนั  ดังนัั�นั การที�อาหารไทยมีีส�วนัประกอบหลายอย�าง นัอกจากจะทำาให้มีีรสชาติเฉีพุาะ

           ท้องถีิ�นัแล้ว ยังมีีผลดีต�อสุขภาพุร�างกายอีกด้วย
                    ๔. อาหารกับกาย่สุัมพันธ์์กันอย่่างไร
                      การที�ร�างกายดำาเนัินัชีวิตอย่�ได้ ต้องประกอบด้วยระบบการย�อยอาหารที�กินัเข้าไป

           กับระบบหายใจระดับเซึ่ลล์ร�วมีกันั โดยมีีนัำ�าเป็นัส�วนัที�สำาคัญส�วนัหนั่�งในัการทำาให้เกิดกระบวนัการ

           ผสมีผสานัทั�ง ๒ ระบบเป็นักระบวนัการเมีแทบอลิซึ่่มี อันัเป็นัผลรวมีของปฏิิกิริยาทั�งหมีดที�เกิดข่�นัในั
           สิ�งมีีชีวิต รวมีทั�งร�างกายของคนั  เพุื�อทำาให้เกิดการเปลี�ยนัแปลงของเคมีีและพุลังงานัเป็นั ๒ กระบวนัการ
           คือ การสังเคราะห์ (การใช้พุลังงานัเสริมีสร้างร�างกาย) และการสลาย (การใช้พุลังงานัในัการทำางานั

           ของร�างกาย) ดังนัั�นั จ่งจำาเป็นัต้องเลือกกินัอาหารให้เหมีาะสมีกับความีต้องการของร�างกายในัแต�ละ

           ช�วงอายุและเพุศ แต�ถี้าหากร�างกายได้รับสารอาหารไมี�เหมีาะสมี ก็จะเกิดภาวะโภชนัาการที�ไมี�ดีหรือ
           “ทุพุโภชนัาการ” ทำาให้ร�างกายขาดอาหารหรือได้รับอาหารบางชนัิดมีากเกินัไป ตัวอย�างเช�นั การที�
   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51