Page 48 - 22-0722 EBOOK
P. 48

วารสารราชบััณฑิิตยสภา
                                        ปีีที่่� ๔๖ ฉบัับัที่่� ๓  กัันยายน-ธัันวาคม ๒๕๖๔
           38                                                       แนวคิิดการกินอาหารอย่่างไรกาย่ใจเป็็นสุุข


                    ๕. อาหารกับใจเกี�ย่วข้องกันอย่่างไร ?

                      หลายคนัอาจยังไมี�เข้าใจหรือไมี�มีีความีร่้ว�า อาหารกับใจจะเกี�ยวข้องกันัได้อย�างไร และ

           จะมีีผลต�อสุขภาพุร�างกายในัด้านัใดได้ ผ่้นัิพุนัธ์จ่งขอเสนัอแนัวคิดเกี�ยวกับความีสัมีพุันัธ์ของอาหาร
           กับใจ และผลของใจที�มีีต�ออาหาร โดยยกตัวอย�างพุระวินััยที�พุระพุุทธเจ้าบัญญัติไว้ให้พุระสงฆ์์ฉีันั (กินั)
           อาหารเพุียงมีื�อเดียวต�อวันัก็เพุียงพุอแก�การดำารงอย่�ของร�างกาย มีีใจสงบด้วยสติและอารมีณ์เกื�อก่ล

           ต�อการปฏิิบัติธรรมีได้ เป็นัการกินัอาหารในัปริมีาณที�เพุียงพุอกับความีต้องการของร�างกาย และหยุดกินั

           ก�อนัอิ�มี เพุื�อให้ร�างกายเป็นัปรกติสุข ซึ่่�งเป็นัลักษัณะการกินัอาหารแบบจำากัดเวลา [intermittent
           fasting (IF)] ตามีการพุิส่จนั์ของนัักวิทยาศาสตร์ชาวญี�ปุ่นั (ศาสตราจารย์โยชิโนัริ โอซึ่่มีิ  ซึ่่�งได้รับรางวัล
           โนัเบลทางสรีรวิทยาหรือการแพุทย์ในั ค.ศ. ๒๐๑๖) ว�า การกินัอาหารแบบนัี�เป็นัประโยชนั์แก�ร�างกาย

           เพุราะส�งผลให้เกิดกระบวนัการที�เซึ่ลล์กลืนักินัตัวเอง (autophagy) หรือกระบวนัการฟี้�นัฟี่ของเซึ่ลล์

           จากการที�ร�างกายสามีารถีกำาจัดเซึ่ลล์เก�า ๆ ที�เสื�อมีหรือหมีดประสิทธิภาพุแล้วออกจากร�างกาย และ
           สร้างเซึ่ลล์ใหมี�ที�แข็งแรงกว�าเดิมีข่�นัมีาแทนัที� ทำาให้ร�างกายฟี้�นัฟี่ตัวเองเป็นัปรกติ  แต�ถี้าเรากินัอาหาร
           โดยไมี�ควบคุมีใจที�กำากับด้วยสติและอารมีณ์ จนัไมี�คำานั่งว�าควรกินัอาหารให้เพุียงพุอกับความีต้องการ

           ของร�างกายเท�านัั�นัและควรหยุดกินัก�อนัอิ�มี เราก็จะกินัอาหารมีากเกินัไป ทำาให้มีีอาหารสะสมีในัร�างกาย

           เกินัความีต้องการ มีีเซึ่ลล์ในัร�างกายเพุิ�มีข่�นัมีากมีายโดยไมี�ก�อให้เกิดการกลืนักินักันั และไมี�สามีารถี
           สร้างเซึ่ลล์ดีที�แข็งแรงให้แก�ร�างกาย ก็จะเป็นัสาเหตุของความีชรา และการเกิดโรคต�าง ๆ ดังที�พุบเห็นั
           ได้จากคนัที�อ้วนัเกินัไปจนัอาจเป็นัโรคเบาหวานั ความีดันัโลหิตส่ง และโรคไขมีันัอุดตันัในัเส้นัเลือด

                      จ่งพุอมีีแนัวคิดได้ว�า ถี้าเราเลือกปฏิิบัติตามีพุระวินััย แต�ไมี�จำาเป็นัต้องปฏิิบัติเหมีือนั

           พุระสงฆ์์ที�ฉีันั (กินั) เพุียงมีื�อเดียว ด้วยการใช้ใจรับร่้ มีีสติและอารมีณ์ในัการกินัอาหารที�มีีประโยชนั์
           ในัปริมีาณที�เหมีาะสมี ซึ่่�งหมีายถี่งพุอเพุียงแต�ละมีื�อ และหยุดกินัอาหารก�อนัอิ�มี ก็จะได้ประโยชนั์แก�
           ร�างกายเช�นักันั  เราไมี�ควรกินัแต�อาหารที�ชอบ ตามีใจปากจนักินัอาหารเกินัความีต้องการของร�างกาย

           ทุกมีื�อ

                      นัอกจากนัี� ยังมีีผลการทดลองที�แสดงให้เห็นัถี่งความีสัมีพุันัธ์ของใจ (อารมีณ์) กับอาหาร
           (นัำ�า) ว�าก�อให้เกิดผลต�อสุขภาพุร�างกายที�ได้รับอาหารนัั�นั หรือการส�งผลของใจ (อารมีณ์) ต�อนัำ�าที�มีี
           ในัร�างกาย ส�งผลต�อกระบวนัการเปลี�ยนัแปลงในัร�างกายและมีีผลกระทบต�อสุขภาพุได้  จากตัวอย�าง

           การทดลองครั�งหนั่�งในัการสื�อสารทางอินัเทอร์เนั็ต  โดยได้ลองบรรจุข้าวที�หุงเสร็จใหมี�  มีีนัำ�าในัข้าวอย่�ด้วย

           ลงในัขวดแก้วปิดสนัิท ๓ ขวด แต�ละขวดเขียนัคำาว�า “รัก” “เกลียด” และ “เฉีย ๆ”  ในัทุก ๆ วันัให้คนัพุ่ด
   43   44   45   46   47   48   49   50   51   52   53