Page 143 - The Journal of the Royal Society of Thailand
P. 143
วารสารราชบััณฑิิตยสภา
ปีีที่่� ๔๙ ฉบัับัที่่� ๑ มกราคม-เมษาย์น ๒๕๖๗
ศาสตราจารย์์ ดร.ครองชััย์ หััตถา 133
บทสรุป
ชาวสัยามเป็นพลเมืองขึ้องรัฐติ่าง ๆ ในประเทศมาเลเซีียมาติั�งแติ่ยุคโบราณด้ังที�ปรากฏิเรื�องราว
ขึ้องชาวสัยามด้ั�งเด้ิมหุรือโอรังเสัียมในติำนานมะโรงมหุาวงศ�ภูาษามลาย้อักขึ้ระยาวี หุรือพงศาวด้ารเมืองไทรบุรี
และเอกสัารอื�น ๆ อีกหุลายฉีบับ ซี่�งบางช่วงเวลาชาวสัยามได้้เป็นผู้้้ปกครอง ในช่วงเวลาด้ังกล่าวนั�นทั�งชาวสัยาม
และชาวมลาย้สั่วนใหุญ่่ติ่างนับถือศาสันาฮัินด้้และศาสันาพุทธุ์ ก่อนที�ชาวมลาย้สั่วนใหุญ่่และชาวสัยามบางสั่วน
ได้้เขึ้้านับถือศาสันาอิสัลามในเวลาติ่อมา ในช่วงที�อาณาจีักรนครศรีธุ์รรมราชมีอิทธุ์ิพลไปถ่งหุัวเมืองมลาย้
และการขึ้ยายอำนาจีขึ้องไทยลงไปจีรด้ปลายคาบสัมุทรมลาย้ในสัมัยสัุโขึ้ทัยติ่อเนื�องมาถ่งอยุธุ์ยานั�น ได้้ปรากฏิ
หุลักฐานว่า มีคนไทยจีำนวนหุน่�งลงไปติั�งถิ�นฐานบ้านเรือนในหุัวเมืองมลาย้ เช่น กรณีชาวสัยามที�บ้านบังหุญ่ัง
อำเภูอติุมปัติ รัฐกลันติัน ที�พวกเขึ้าระบุว่าบรรพบุรุษเป็นชาวสัุโขึ้ทัย รวมทั�งที�อำเภูอติากใบ จีังหุวัด้นราธุ์ิวาสั
ประชาชนจีำนวนมากใช้ภูาษาไทยถิ�นติากใบหุรือภูาษาเจี๊ะเหุ ซี่�งนักวิชาการภูาษาศาสัติร�ระบุว่าภูาษาด้ังกล่าวมี
วิวัฒนาการมาจีากภูาษาสัุโขึ้ทัย สั่วนชาวสัยามในเกด้าหุ�หุรือไทรบุรี เปรัก และปะลิสั สั่วนใหุญ่่เป็น คนไทย
ถิ�นใติ้ที�เคยเป็นขึ้้าราชการมณฑ์ลไทรบุรีและพำนักอาศัยมาติั�งแติ่ก่อนทำสันธุ์ิสััญ่ญ่าเขึ้ติแด้นกับอังกฤษใน
พ.ศ. ๒๔๕๒ บางกลุ่มก็ไปทำการเกษติร ประมง ค้าขึ้าย และประกอบอาชีพอื�น ๆ ชาวสัยามที�เขึ้้ารับอิสัลาม
จีะได้้สัถานะภู้มิบุติรและได้้รับสัิทธุ์ิติ่าง ๆ โด้ยสัมบ้รณ�ติามกฎหุมายขึ้องประเทศมาเลเซีีย ชาวสัยามที�นับถือ
พระพุทธุ์ศาสันามีสัถานะเป็นพลเมืองและได้้รับสัิทธุ์ิติ่าง ๆ ติามกฎหุมาย แติ่ไม่เท่ากับชาวมาเลย�พื�นเมือง และ
ไม่เท่ากับชาวสัยามที�นับถือศาสันาอิสัลาม หุลังจีากที�ชาวสัยามที�นับถือพระพุทธุ์ศาสันาได้้รับสัถานะภู้มิบุติร
ใน พ.ศ. ๒๕๕๖ ทำใหุ้รับสัิทธุ์ิติ่าง ๆ มากขึ้่�น ทั�งทางด้้านการเมือง การศ่กษา การทำงานราชการ และการประกอบ
การธุ์ุรกิจี โด้ยมีการเปลี�ยนแปลงหุลักเกณฑ์�ที�เปิด้โอกาสัใหุ้ชาวสัยามได้้รับสัิทธุ์ิติ่าง ๆ มากขึ้่�นกว่าก่อนได้้รับสัถานะ
ภู้มิบุติร
เอกูสารอ้างอิง
ครองชัย หุัติถา. (๒๕๕๒). ประวัติศาสตร์ปัตตานัีสมัยอาณาจัักรโบัราณถึึงการปกคีรอง 7 หัวเมือง. สัำนักพิมพ�
แหุ่งจีุฬาลงกรณ�มหุาวิทยาลัย.
________. (๒๕๖๕). ภูมิภาคีมลายู-ปาตานัีกับัการเมืองการปกคีรองของไทย. บีแอนด้�บีเอกสัาร.
ชุลีพร วิรุฬหุะ. (๒๕๔๕). ความสััมพันธุ์�สัยาม-มลาย้ในมิติิวัฒนธุ์รรม: บทสัะท้อนจีากฮัิกายัติ มะรง มหุาวงศ�
(ติำนานเมืองไทรบุรี). วารสารอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕(๑), ๗๐-๑๐๑.
ซี้ไฮัลี ยามา และสัุภูาค�พรรณ ติั�งติรงไพโรจีน�. (๒๕๖๖). พหุุวัฒนธุ์รรมกับนโยบายด้้านพลเมืองขึ้องรัฐบาลมาเลเซีีย
กรณีศ่กษากลุ่มคนมาเลเซีียเชื�อสัายไทย (โอรังเซีียม). วารสารรัฐศาสตร์นัิเทศ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,
๙(๑), ๔๑-๖๗.
ประทุม ชุ่มเพ็งพันธุ์ุ�. (๒๕๕๐). ตำนัานัมะโรงมหาวงศ์ พงศาวด้ารเมืองไทรบัุรี. เด้อะโนเลจีเซี็นเติอร�.
ปิยนาถ บุนนาค. (๒๕๔๗). นัโยบัายการปกคีรองขอรัฐบัาลต่อชิาวไทยมุสลิมในัจัังหวัด้ชิายแด้นัภาคีใต้
(พ.ศ.๒๔๗๕-๒๕๑๖). พิมพ�ครั�งที� ๓. โรงพิมพ�จีุฬาลงกรณ�มหุาวิทยาลัย.