Page 169 - 47-2
P. 169

วารสารราชบััณฑิิตยสภา
                                         ปีีที่่� ๔๗ ฉบัับัที่่� ๒ พฤษภาคม–สิิงหาคม ๒๕๖๕
             รองศาสตราจารย์์วุุฒิิชััย์ มููลศิลป์์                                          159


                       “ประชาราษฎรเป็นัสำุขีสำโมสำรประชุมในัเมืองนัั�นั ฝู้งราษฎรมิได้เป็นัทาสำ

                     ทาสำา หามิได้ เป็นัไทยพลเรือนัทั�งสำิ�นั เป็นัสำุโขีทั�งเมือง เหตุดังนัั�นั นัามเมืองจึง

                     ปรากฏว่าเมืองสำุโขีทัย...”  (กรมศิลปากร, ๒๕๔๔ : ๒๙๑)

                     ศิลาจารึกหลักนัี� พระบาทสมเด็็จพระจอมเกล้าเจ้าอย้่หัวเมื�อยังทรงพระผู้นัวชิอย้่ ทรงพบ

             เมื�อ พ.ศ. ๒๓๗๖ ที�เมืองสุโขทัย พร้อมกับพระแท่นัมนัังศิลาบาต่ร (มนัังษีลาบาต่ร) และศิลาจารึก
             พ่อขุนัรามค้ำาแหงมหาราชิ หรือที�เรียกกันัทั�วไปว่า ศิลาจารึกหลักที� ๑ ข้อค้วามที�สมเด็็จพระมหาสมณเจ้า
             กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ทรงนัิพนัธ์แปล อาจมาจากศิลาจารึกวัด็ป่ามะม่วงทั�งหมด็ที�ยังสมบ้รณ์ด็ี

             หรืออย่างไร เพราะศิลาจารึกหลักนัี�ในัปัจจุบันัพบว่ามีข้อค้วามขาด็หายไปมาก ไม่สมบ้รณ์ แม้ว่าในั

             ภายหลังได็้พบศิลาจารึกวัด็ป่ามะม่วงที�เป็นัภาษาไทยเมื�อ พ.ศ. ๒๔๔๘ โด็ยพระยาโบราณราชิธานัินัทร์
             (พร เด็ชิะคุ้ปต่์) ที�วัด็ใหม่ (ปราสาททอง) อำาเภอนัค้รหลวง จังหวัด็พระนัค้รศรีอยุธยา ซื้ึ�งนั่าจะมีข้อค้วาม
             ต่รงกับหลักภาษาเขมร แต่่ก็ชิำารุด็ไม่สมบ้รณ์เชิ่นักันั

                     ด็ังนัั�นั จึงเป็นัไปได็้มากว่า พระนัิพนัธ์แปลของสมเด็็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยา

             ปวเรศวริยาลงกรณ์ ที�แปลได็้อย่างสละสลวย ได็้เป็นัฐานัค้วามร้้ที�สำาค้ัญเกี�ยวกับเรื�องทาสสมัยสุโขทัย
             ว่า ไม่มีทาส ประกอบกับค้ำาแปล “ไพร่ฟ้้าข้าไท” ที�ปรากฏในัศิลาจารึกพ่อขุนัรามค้ำาแหง ที�มีค้วามเห็นั
             แต่กต่่างกันั (ซื้ึ�งจะได็้กล่าวต่่อไป) และไม่มีค้ำาว่า ทาส ในัศิลาจารึกหลักอื�นั ๆ ที�ค้้นัพบในัเวลาต่่อมา

             โด็ยมีแต่่ค้ำาว่า “ข้า” จึงทำาให้ค้วามเชิื�อว่าสุโขทัยไม่มีทาส เป็นัที�ยอมรับอย่างมั�นัค้งต่่อมา

                     ก่อนัที�จะกล่าวเรื�อง ข้าและทาสจึงค้วรพิจารณาค้วามหมายของค้ำาทั�งสองก่อนั

             ควุามัหมัายของคำาวุ่า ข้า และ ทาส (เดิิมัเขียนวุ่า ทาษ)

                     หนัังสือ พจนัานัุกรม (ร.ศ. ๑๒๐) ฉบับกรมศึกษาธิการ ให้ค้วามหมายไว้ว่า “ข้า เสนัา, อำามาต่ย์,
             ค้นัใชิ้, ต่้, เรา, ฉันั” (กรมวิชิาการ, ๒๕๔๑ : ๓๗) และ “ทาส ค้นัใชิ้, บ่าวชิาย” “ทาสี หญิงค้นัใชิ้,
             บ่าวหญิง” (กรมวิชิาการ, ๒๕๔๑ : ๑๕๑)

                     หนัังสือ ปทานัุกรม บัาลี ไทย อังกฤษ สำันัสำกฤต ฉบับพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันัทบุรี

             นัฤนัาถ (หนั้า ๓๕๘) ให้ค้วามหมาย ค้ำาว่า “ทาสี หญิงบ่าว, ทาโส ชิายบ่าว, ทาส, บ่าว”
                     พจนัานัุกรมโบัราณศัพท์ ฉบัับัราชบััณฑิิตยสำภา ให้ค้วามหมายค้ำาว่า “ข้า” ว่า “บ่าวไพร่,
             ค้นัรับใชิ้” โด็ยอ้างข้อค้วามจากศิลาจารึกพ่อขุนัรามค้ำาแหงมหาราชิ  (สำานัักงานัราชิบัณฑิิต่ยสภา,

             ๒๕๖๓ : ๔๕)
   164   165   166   167   168   169   170   171   172   173   174