Page 34 - 46-1
P. 34
วารสารราชบััณฑิิตยสภา
ปีีที่่� ๔๖ ฉบัับัที่่� ๑ มกราคม-เมษายน ๒๕๖๔
26 การพิิจารณาความชอบและการแต่่งต่้�งขุุนนางไทยในอดีีต่
บทนำา
การป็กครองขุองไทยสม้ยโบราณ ต่้�งแต่่เริ�มสถาป็นากรุงศึรีอยุธยาเป็็นราชธานี เมื�อ พิ.ศึ.
๑๘๙๓ มาจนถึงกรุงร้ต่นโกสินทร์ในร้ชสม้ยพิระบาทสมเดี็จพิระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่่ห้วก่อนมีการป็ฏิิร่ป็
การบริหารราชการแผ่่นดีิน โดียต่้�งกระทรวงต่่าง ๆ เป็็นแบบสม้ยใหม่ รวมท้�งป็ฏิิร่ป็กฎหมายและ
การศึาลไทยให้ท้นสม้ยเป็็นแบบต่ะว้นต่ก อ้นเนื�องมาจากล้ทธิจ้กรวรรดีินิยมต่ะว้นต่กแผ่่อิทธิพิล
เขุ้ามาในเอเชียต่ะว้นออกเฉัียงใต่้ เช่น เริ�มต่้�งกระทรวงยุต่ิธรรมแบบสม้ยใหม่ขุึ�นเมื�อ พิ.ศึ. ๒๔๓๔
ป็ระว้ต่ิศึาสต่ร์ไทยในช่วงเวลาดี้งกล่าวซึ่ึ�งยาวนานกว่า ๕๐๐ ป็ี และเป็็นการป็กครองในระบอบ
สมบ่รณาญาสิทธิราชย์อ้นมีพิระมหากษ้ต่ริย์ทรงเป็็นศึ่นย์กลางแห่งการป็กครอง ซึ่ึ�งต่้องใช้ขุุนนางหรือ
ขุ้าราชการในต่ำาแหน่งหน้าที�ต่่าง ๆ ป็ฏิิบ้ต่ิราชการต่่างพิระเนต่รพิระกรรณเพิื�อร้กษาความสงบเรียบร้อย
ท้�งในและนอกราชอาณาจ้กร และเพิื�อความอย่่ดีีกินดีีขุองราษฎรท้�งป็วง ในช่วงเวลาดี้งกล่าวมีกฎหมาย
แบ่งป็ระเภทขุุนนางหรือขุ้าราชการออกเป็็น ๒ ฝ่่ายคือ ฝ่่ายทหารและฝ่่ายพิลเรือน
การพิิจารณาแต่่งต่้�งขุุนนางหรือขุ้าราชการ จึงเป็็นพิระราชกิจสำาค้ญขุองพิระมหากษ้ต่ริย์
ซึ่ึ�งต่้องใช้หล้กธรรมและหล้กกฎหมายป็ระกอบพิระราชวินิจฉั้ยในการแต่่งต่้�ง ดี้งป็รากฏิหล้กฐานใน
คำาสอนโบราณ คือ ราชนีต่ิ ที�เป็็นหล้กคำาสอนเกี�ยวก้บราชกิจท้�งป็วงขุองพิระราชาไว้ มีต่้วอย่างขุอง
หล้กเกณฑ์์ท้�วไป็ในการพิิจารณาแต่่งต่้�งขุุนนางหรือขุ้าราชการ เช่น คาถาที� ๗ ว่า “เมื�อคีนัฉลาด
ประกอบัราชิกิจ คีุณ ๓ ประการย่อมเกิดแก่พระเจ้าอย่่หััว คีือ เกียรติยศขจร ๑ บัรรลุประโยชินั์โดยธรรม
๑
ส่งสุด ๑ ข้�นัสวรรคี์ ๑” ในทางต่รงขุ้าม คาถาที� ๖ ว่า “เมื�อคีนัโง่ประกอบัราชิกิจ โทษ ๓ ประการ
ย่อมเกิดแก่พระเจ้าอย่่หััวโดยไม่ต้องสงสัย คีือ เสื�อมเกียรติยศ ๑ ทรัพย์สมบััติพินัาส ๑ ต้อง
ตกนัรก ๑” ต่้วอย่างขุองหล้กเกณฑ์์ที�กำาหนดีคุณสมบ้ต่ิเฉัพิาะในการพิิจารณาแต่่งต่้�งขุุนนางหรือ
ขุ้าราชการฝ่่ายทหาร เช่น คาถาที� ๑๕ ว่า “ข้าเฝ้้าผู้่้มีปัญญารอบัร่้ในัการขยายอาณาเขต ร่้ชิัดเจนัในั
ภ่มิศาสตร์ ยอมสละชิีพในัคีราวอันัตราย ทนัทุกข์ทนัสุขได้” และคาถาที� ๑๖ ว่า “ร่้ตำาราพิชิัยสงคีราม
ร่้จักผู้่อนัปรนัพาหันัะ มิใหั้ลำาบัาก มีคีวามแกล้วกล้าอาจหัาญ พระเจ้าอย่่หััวคีวรทรงตั�งข้าเฝ้้าเชิ่นันัี�
ใหั้เป็นัแม่ทัพ” หล้กเกณฑ์์การแต่่งต่้�งขุุนนางหรือขุ้าราชการฝ่่ายพิลเรือน เช่น คาถาที� ๒๒ กำาหนดี
คุณสมบ้ต่ิท้�วไป็ขุองมนต่รี ซึ่ึ�งหากเทียบเคียงก้บผ่่้ทำาหน้าที�เป็็นร้ฐมนต่รีและห้วหน้าส่วนราชการหรือ
หน่วยงานขุองร้ฐฝ่่ายพิลเรือนท้�งหลายในป็ัจจุบ้นว่า “พระเจ้าอย่่หััวพระองคี์ใด มีข้าเฝ้้าที�มีปัญญาฉลาด
เอาใจใส่ในัราชิกิจ แกล้วกล้าสามารถ เหัมาะแก่ตำาแหันั่งมนัตรี ราชิกิจในัพระเจ้าอย่่หััวพระองคี์นัั�นั
๑ ในบทความนี�ต่้วอ้กษรที�เป็็นต่้วเอนเป็็นต่้วสะกดีต่ามแบบอ้กขุรวิธีเก่าที�ป็รากฏิในเอกสารต่้นฉับ้บที�อ้างอิง