Page 15 - FlipBook วารสารราชบณฑตยสภา ปี-48
P. 15

วารสารราชบััณฑิิตยสภา
                                                ปีีท่� ๔๘ ฉบัับัท่� ๒ พฤษภาคม-สุิงหาคม ๒๕๖๖

                      ดร.ไพโรจน์์  ทองคำสุุก                                                                 3



                    บทนำ

                            การถวายพระพร สรรเสริญ ยอพระเกียรติ เป็นการแสด้งออกด้้วยความจงรักภักด้ี น้อมสำนึกใน

                    พระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษััตริย์ พระกรุณาธิคุณและพระกรุณาของพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่ึ่งมีมาตั�งแต่
                    สมัยสุโขทัย ปรากฏิในหลักศิลาจารึกพระขุนรามคำแหงหลักที่ ๑ ด้้านที่ ๔ ซึ่ึ่งกล่าวถึงการยอพระเกียรติ

                    พ่อขุนรามคำแหงที่ทรงมีคุณูปการต่อกรุงสุโขทัย ทรงปกครองแบบพ่อกับลูก เปี�ยมด้้วยพระเมตตา ทรงสนิทสนม
                    ใกล้ชิด้กับราษัฎร ไม่มีผู้ใด้จะเสมอได้้เลย ในสมัยอยุธยาปรากฏิบทถวายพระพร สรรเสริญ ยอพระเกียรติมากมาย

                    หลายรูปแบบส่วนใหญ่เป็นวรรณกรรม เช่น ยวนพ่ายโคลงด้ั�น คำฉันท์สรรเสริญพระเกียรติสมเด้็จพระพุทธเจ้า
                    หลวงปราสาททอง โคลงเฉลิมพระเกียรติสมเด้็จพระนารายณ์มหาราช และโคลงชะลอพระพุทธไสยาสน์

                    สมัยธนบุรีพบบทถวายพระพร ยอพระเกียรติ เช่น โคลงยอพระเกียรติพระเจ้ากรุงธนบุรี นอกจากนี� ในสมัย
                    รัตนโกสินทร์ปรากฏิวรรณกรรมเฉลิมพระเกียรติสรรเสริญ เช่น โคลงสรรเสริญพระเกียรติพระบาทสมเด้็จ

                    พระพุทธยอด้ฟ้้าจุฬาโลก โคลงยอพระเกียรติพระบาทสมเด้็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โคลงด้ั�นเฉลิม
                    พระเกียรติพระบาทสมเด้็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย กลอนเพลงยาวสรรเสริญพระเกียรติพระบาทสมเด้็จ

                    พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โคลงและกลอนยอพระเกียรติสามรัชกาล ลิลิตตะเลงพ่าย ต่อมาได้้มีการประพันธ์บทถวาย
                    พระพรขึ�นมาแล้วบรรจุเพลงขับร้อง และในเวลาต่อมาก็มีการประด้ิษัฐ์์กระบวนท่ารำ นับเป็นวิวัฒนาการของ

                    การถวายพระพร ซึ่ึ่งเป็นการแสด้งนาฏิศิลป์ไทยในรูปแบบของการถวายพระพรแด้่พระมหากษััตริย์ พระราชินี
                    พระราชโอรส พระราชธิด้า และพระบรมวงศานุวงศ์ กล่าวได้้ว่า ในช่วงแรกอาจจะมีเพียงบทถวายพระพร

                    เนื่องในโอกาสต่าง ๆ โด้ยเฉพาะวันเฉลิมพระชนมพรรษัาซึ่ึ่งเป็นบทถวายพระพรแต่มิได้้มีการแสด้งประกอบ
                    ในเวลาต่อมาจึงได้้นำการแสด้งเข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง เช่น การละเล่นของหลวงชุด้กุลาตีไม้ มีบทขับร้องที่ให้

                    ผู้แสด้งออกท่าทาง ด้ังนี�

                                                 “ศักด้านุภาพเลิศล�ำ          แด้นไตร
                                          สิทธิครูมอบให้                      จึ่งแจ้ง

                                          ฤทธาเชี่ยวชาญชัย                    เหตุใด้ นาพ่อ
                                          พระเด้ชพระคุณปกเกล้า                ไพร่ฟ้้าอยู่เย็น”

                                                                                     (กรมศิลปากร, ๒๕๑๖ : ๒๖๒)

                           ผู้แสด้งชุด้กุลาตีไม้เป็นมหาด้เล็กหลวง แสด้งเฉพาะในงานพระราชพิธีของหลวง ได้้แก่ พระราชพิธีโสกันต์

                    งานสมโภชช้างเผือก และพระราชพิธีต่าง ๆ ตั�งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา จนถึงรัตนโกสินทร์ บทร้องสรรเสริญ
                    พระมหากษััตริย์ที่ทรงปกครองดู้แลบ้านเมืองอย่างด้ีทำให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข

                           รำโคม มหรสพหลวงมีตั�งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ ได้้รับรูปแบบมาจากรำโคมญวน โด้ยจัด้แสด้งครั�งแรก
                    ในงานเฉลิมพระชนมพรรษัาพระบาทสมเด้็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระชนมายุครบ ๖๐ พรรษัา พ.ศ. ๒๔๐๗

                    ปรากฏิบทรำโคมถวายพระพรว่า
   10   11   12   13   14   15   16   17   18   19   20