การเรียงลำดับคำ เรียงตามลำดับคำแบบพจนานุกรม คำที่มีความหมายเหมือนกันจะเก็บไว้ด้วยกันโดยใช้เครื่องหมายจุลภาคคั่นและเรียงสลับกันไปในตำแหน่งของหมวดอักษรนั้น ๆ โดยแสดงลักษณนามไว้ที่ด้านขวาของคอลัมน์ เช่น
กงกระสุน – คัน
กงเกวียน, กงล้อ – กง, วง.................................................................................
กรอบเช็ดหน้า, เช็ดหน้า, วงกบ - วง
.................................................................................
เช็ดหน้า, กรอบเช๊ดหน้า, วงกบ - วง
.................................................................................
วงกบ, กรอบเช็ดหน้า, วงกบ - วง
๒.๑ การกำหนดลักษณนามของคำนามที่มีหลายความหมาย ถ้าทุกความหมายมีลักษณนามเหมือนกันจะไม่ให้คำนิยามความหมายไว้ แต่ถ้ามีลักษณนามแตกต่างกันจะให้คำนิยามสั้น ๆ ไว้ในเครื่องหมายวงเล็บหลังคำนามนั้น ๆ เพื่อบอกให้ทราบว่า เฉพาะความหมายที่กำหนดไว้ในเครื่องหมายวงเล็บเท่านั้นที่มีลักษณนามตามที่ กำหนด เช่น
ดารา – ดวง
……………………………………………………………
ตอม่อ (เสาบ้าน) – ต้น
ตอม่อ (ฐานรองรับสะพาน) – ตอม่อ
๒.๒ คำนามที่มีความหมายคล้ายกันหรือใกล้เคียงกัน แต่ใช้ลักษณนามคำเดียวกันจะเก็บไว้ด้วยกันโดยใช้เครื่องหมายอัฒภาคคั่น เช่น
ศาล; ศาลเจ้า; ศาลเทพารักษ์ – ศาล
๒.๓ คำนามที่มีหลายความหมาย แต่ใช้ลักษณนามเหมือนกัน จะให้คำนิยามสั้น ๆ ไว้ในเครื่องหมายวงเล็บหลังคำนามนั้น ๆ โดยใช้เครื่องหมายอัฒภาคคั่น เช่น
ชนัก (เครื่องแทงสัตว์; เครื่องผูกคอช้าง) – เล่ม
คำนามบางคำอาจมีลักษณนามได้หลายอย่าง ในการกำหนดลักษณนามแบ่งออกเป็น ๓ แบบ คือ
๓.๑ กำหนดลักษณนามที่นิยมใช้กันมากไว้หน้าสุดและลักษณนามอื่น ๆ เรียงตามกันไปโดยใช้เครื่องหมายจุลภาคคั่น เช่น
ไข่ – ใบ, ฟอง, ลูก
……………………………………………………………
โคม (ชนิดต่าง ๆ) – ดวง, ใบ, ลูก
๓.๒ กำหนดลักษณนามแตกต่างกันตามสภาพที่เป็นอยู่ โดยใช้เครื่องหมายอัฒภาคคั่น เพื่อบอกให้รู้ว่าลักษณนามนั้น ๆ แม้จะเป็นลักษณนามของสิ่งเดียวกันแต่ก็มีความแตกต่างกันตามสภาพ เช่น
ซิ่น, ผ้าซิ่น – ผืน; ตัว, ถุง
หมายความว่า ซิ่น หรือ ผ้าซิ่น ถ้ายังไม่ได้ตัดเย็บลักษณนามใช้ว่า ผืน แต่ถ้าตัดเย็บแล้วใช้ลักษณนามว่า ตัว หรือ ถุง
ปิ่นโต – ใบ, ลูก; เถา, สาย
หมาย ความว่า ปิ่นโตแต่ละใบ ใช้ลักษณนามว่า ใบ หรือลูก แต่ถ้านำมาเรียงซ้อนกันแล้วมีเครื่องยึดรวมเข้าด้วยกัน ใช้ลักษณนามว่า เถา หรือ สาย
บางครั้งอาจให้คำอธิบายสั้น ๆ ไว้หลังลักษณนามนั้น ๆ โดยใส่คำอธิบายไว้ในเครื่องหมายวงเล็บ เช่น
ระนาด (เครื่องปี่พาทย์ชนิดหนึ่ง) – ลูก (ลูกระนาด); ผืน (ลูกระนาดที่ร้อยเข้าเป็นชุด); ราง
๓.๓ กำหนดลักษณนามตามขนาด ความกว้าง ความยาว ปริมาณ น้ำหนัก หรือรูปแบบที่ใช้งาน โดยระบุว่า “เรียกตามลักษณะ” หรือ “เรียกตามลักษณะหรือลักษณะบรรจุภัณฑ์” แล้วให้ยกตัวอย่างลักษณนาม เช่น
ทอฟฟี่ – เรียกตามลักษณะหรือลักษณะบรรจุภัณฑ์ เช่น เม็ด อัน ห่อ แท่ง
หรือกำหนดทั้งลักษณนามทั่วไปและลักษณะบรรจุภัณฑ์ เช่น
ด้าย – เส้น; เรียกตามลักษณะหรือลักษณะบรรจุภัณฑ์ เช่นกลุ่ม เข็ด ไจ หลอด
ผม – เส้น; เรียกตามลักษณะ เช่น กระจุก ปอย
คำนามที่เป็นคำรวม เช่น ขนม ผลไม้ ดอกไม้ จะกำหนดลักษณนามรวมไว้โดยไม่แยกออกเป็นชนิดย่อยตามนามของสิ่งเหล่านั้น แต่ถ้าลักษณนามของชนิดย่อยมีเพิ่มขึ้นหรือแตกต่างไปจากที่กำหนดไว้ในลัก ษณนามรวม ก็จะตั้งคำนามของชนิดย่อยและกำหนดลักษณนามที่เพิ่มขึ้นหรือแตกต่างออกไปจาก ลักษณนามรวมไว้ที่ลำดับคำนั้น ๆ เช่น
ขนม – เรียกตามลักษณะ เช่น ชิ้น อัน แผ่น ตัว;
เรียกตามภาชนะที่บรรจุ เช่น ถ้วย ชาม
ขนมครก – ฝา; คู่
ขนมจีน – จับ, หัว
……………………………………………………………
ไข่นกกระสา (ขนม) – ลูก
……………………………………………………………
ซาลาเปา – ใบ, ลูก
คำราชาศัพท์ที่เก็บไว้ในหนังสือ ลักษณะนาม นี้ส่วนใหญ่เป็นคำราชาศัพท์ที่ไม่ได้เกิดจากการเติมคำว่า “พระ” หน้าคำนาม และมักจะใช้เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์เท่านั้น ส่วนคำราชาศัพท์ที่เกิดจากการเติมคำว่า “พระ” หน้าคำนามทั่ว ๆ ไป มีเก็บไว้เป็นส่วนน้อย ทั้งนี้เพราะเห็นว่า คำนามที่เป็นคำราชาศัพท์ ส่วนใหญ่จะมีลักษณนามเป็น“องค์” ยกเว้นที่กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น เช่น
ฉลองพระเนตร – องค์
ฉลองพระบาท, รองพระบาท – ข้าง, องค์; คู่
ในกรณีที่คำนามนั้นเป็นทั้งคำราชาศัพท์และคำนามที่ใช้ได้ทั่วไป จะกำหนดลักษณนามไว้ทั้ง ๒ อย่าง เช่น
พระขรรค์ – องค์; เล่ม (ถ้าใช้ทั่วไป)