สำนักงานราชบัณฑิตยสภา

62 กวีวัจน์วรรณนา ต้องยกทัพมาช่วยรบ หลังรบชนะ อิเหนาเดินทางเข้าเมืองดาหาและ ได้พบกับบุษบา จึงเกิดหลงรักบุษบาและคิดอุบายลักพาบุษบาไปไว้ที่ ถ�้ ำทองจนได้นางเป็นชายา องค์ปะตาระกาหลาผู้เป็นเทพบรรพบุรุษของวงศ์เทวัญกริ้วอิเหนา ที่กระท� ำการต่าง ๆ ตามอ� ำเภอใจ จึงลงโทษโดยบันดาลให้ลมหอบ พรากบุษบาไปจากอิเหนา อิเหนาจึงออกเดินทางผจญภัยตามหาบุษบา โดยปลอมตัวเป็นชาวป่าชื่อปันหยี ส่วนบุษบาก็เดินทางตามหาอิเหนา เช่นกันโดยปลอมตัวเป็นชายชื่ออุณากรรณ ปันหยีกับอุณากรรณมี โอกาสได้พบกันที่เมืองกาหลัง แต่ต่างจ� ำกันไม่ได้ ต่อมาอุณากรรณ กลัวปันหยีจะจับได้ว่าตนเป็นหญิง จึงหนีออกจากเมืองกาหลังไปบวช เป็นชี (แอหนัง) ใช้ชื่อว่า ติหลาอรสา เมื่อปันหยีได้พบกับแอหนังก็รู้สึก สงสัยว่านางคือบุษบา ต่อมา ประสันตาเชิดหนังเล่นเรื่องราวชีวิตรัก ของอิเหนากับบุษบาให้แอหนังดู แอหนังร้องไห้ด้วยความสะเทือนใจ เมื่อได้ชมการเล่นหนังนั้นปันหยีจึงรู้ความจริงว่าแอหนังคือบุษบา และ เปิดเผยว่าตนคืออิเหนา เมื่อกษัตริย์ทั้ง ๔ เมืองได้ทราบข่าวว่าอิเหนา และบุษบาได้พบกันแล้วก็ต่างยินดีและจัดงานวิวาห์ให้อิเหนากับบุษบา พร้อมทั้งชายาอื่น ๆ รวม ๑๐ นาง โดยแต่งตั้งบุษบาเป็นประไหมสุหรี ฝ่ายซ้าย และจินตะหราเป็น ประไหมสุหรีฝ่ายขวา หลังจากนั้นอิเหนา ขึ้นครองเมืองกุเรปันเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่สืบต่อจากพระราชบิดา วรรคทองข้างต้นนี้อยู่ในเนื้อเรื่องตอนที่อิเหนาลาจินตะหราไปเมือง ดาหาเพื่อไปช่วยรบศึกกะหมังกุหนิงที่ยกทัพมาท� ำสงครามชิงบุษบา ความหมายของวรรคทอง วรรคทองที่ยกมานี้เป็นค� ำพูดของจินตะหรากล่าวร� ำพันตัดพ้อ อิเหนาที่ก� ำลังจะจากนางไปเมืองดาหา จินตะหรากล่าวว่า ครานี้เพิ่ง ได้ประจักษ์ชัดว่าความรักช่างเป็นสิ่งที่ผันแปรเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เหมือนกับสายน�้ ำอันเชี่ยวกรากที่ไหลผ่านไปแล้วย่อมไม่มีวันไหล กลับ ความแค้นที่คั่งอยู่ในใจของนางนี้มีมากท่วมท้น ไม่มีความแค้น ของหญิงคนใดในแผ่นดินที่จะเสมอเหมือนนาง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 62 8/8/2557 BE 3:09 PM

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=