สำนักงานราชบัณฑิตยสภา
44 กวีวัจน์วรรณนา ปอร์เชียจึงทราบก่อนที่บัสสานิโยจะมาเลือกหีบว่า หีบตะกั่วคือใบที่มี ภาพของนาง แต่เมื่อนางไม่สามารถบอกบัสสานิโยโดยตรงได้ นางจึง สั่งให้วงดนตรีบรรเลงเพลงคลอขณะที่บัสสานิโยเลือกหีบซึ่งก็คือการ เลือกตัวนาง และสื่อ “สาร” ผ่านเนื้อร้องของเพลงโดยตั้งค� ำถามให้ บัสสานิโย “ตรองจงดี” ว่าความรักของเขาที่มีต่อนางนั้น “เริ่มในสมอง” หรืองอกงามขึ้น“กลางหว่างหัวใจ” เนื้อเพลงบทที่สองให้ค� ำตอบแก่ บัสสานิโยว่าหากความรักใคร่เสน่หาเกิดและเติบโตขึ้นจากการมีรูปกาย อันงดงามของนางเป็นอาหารตาอัน “ส� ำราญครัน” ความรักนั้นย่อมเป็น เพียงความหลงใหลคลั่งไคล้ซึ่งเกิดเพราะสมองรับสิ่งเร้าภายนอกความ เสน่หาเช่นนี้ดับมอดไปได้โดยง่ายหาก “ใจไม่สมัคร” ดังนั้น การเลือก นางจึงไม่ควรใช้รูปลักษณ์และเครื่องประดับตกแต่งภายนอกเป็นเครื่อง ตัดสิน เมื่อบัสสานิโยได้ฟังเพลงทั้ง ๒ บทนี้จึงเข้าใจสัจธรรมที่ว่า “ถึง ผิวนอกค่าน้อยสักปานใดมักลวงโลกเพราะใสสุดสง่า...คือสิ่งใดวาววับ จับสายตา ทั้งน�้ ำหนักและราคามักย่อมเยา...รวมความว่าบรรดารูปงาม นอก มักจะหลอกคนหลงงงระส�่ ำ” และตัดสินใจเลือกหีบได้อย่างถูก ต้อง ท� ำให้ความรักของทั้งสองสมปรารถนาในที่สุด “สาร” ที่ปอร์เชีย ส่งไปถึงบัสสานิโยนี้เป็นการให้คติอันคมคายว่า มนุษย์เราไม่ควรตัดสิน สิ่งใดจากรูปภายนอก และความรักที่เกิดจากรูปโฉมภายนอก ไม่ได้ งอกงามเติบโตขึ้นในจิตใจ และดับสูญได้อย่างรวดเร็ว นัยอันลึกซึ้งซับซ้อนที่สื่อผ่านโวหารอันไพเราะอ่อนหวาน ท� ำให้บท ดอกสร้อยทั้ง ๒ บทเป็นที่จับใจของผู้อ่านผู้ชม จนมีผู้อัญเชิญบทพระ- ราชนิพนธ์ตอนนี้ไปเป็นเนื้อร้องของเพลง “ความรัก” จึงท� ำให้วรรคทอง บทนี้เป็นที่รู้จักแพร่หลายมาจนปัจจุบัน �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 44 8/8/2557 BE 3:09 PM
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=