สำนักงานราชบัณฑิตยสภา
79 อนุสรณ์ในการพระราชทานเพลิงศพ ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร เริ่มนับยามที่ ๑ ณ ต� ำแหน่งที่หยุดนั้น คือยาม ๑ ที่อังคาร ยาม ๒ ที่จันทร์ ยาม ๓ ที่อาทิตย์ ไปจนถึงยามที่ท� ำนาย ทั้งนี้ต้องนับทวนเข็มนาฬิกาเพราะเป็นวันข้างแรม กลางวันมี ๑๒ ชั่วโมง แบ่งเป็น ๘ ยาม ยามละหนึ่งชั่วโมงครึ่ง คือยาม ๑ เวลา ๖.๐๐–๗.๓๐ น. ยาม ๒ เวลา ๗.๓๐–๙.๐๐ น. ยาม ๓ เวลา ๙.๐๐–๑๐.๓๐ น. จนถึงยาม ๘ เวลา ๑๖.๓๐–๑๘.๐๐ น. กลางคืนมี ๑๒ ชั่วโมง ก็แบ่งออกเป็น ๘ ยามเช่นเดียวกัน ถ้าวันที่จับยามเป็นวันข้างขึ้น ให้นับ ๑ ที่ต� ำแหน่ง ๑ หรืออาทิตย์ แล้วนับเวียนตามเข็มนาฬิกาไป ที่ต� ำแหน่ง ๒ หรือจันทร์ ต่อไปที่เลข ๓ หรืออังคาร คือนับเลข ๑-๒-๓-๑-๒-๓ ... ไปจนถึงวันที่จับยาม เช่น วันที่จับยามขึ้น ๘ ค�่ ำ จะไปหยุดที่ต� ำแหน่ง ๒ คือ จันทร์หรือปลอด แล้วเริ่มนับยามที่ ๑ ณ ต� ำแหน่ง ที่หยุด คือ ปลอด เวียนตามเข็มนาฬิกาต่อไปเพราะเป็นวันข้างขึ้น “ถ้าดูสู้กัน เล็งดูยามนั้น จะเป็นฉันใด ถ้าด� ำอยู่หลัง เบื้องหน้ายามใส ว่าเขาจักได้ เราแพ้เสียคน” แปลความหมายว่า นับถึงยามที่ท� ำนาย ตกที่ปลอดหรือ ๒ วันท� ำนายเป็นวันข้างแรม เพราะเมื่อนับทวน เข็มนาฬิกาถึงปลอด เราผ่านด� ำทิ้งไว้ข้างหลังและใสจะอยู่ข้างหน้า ฉะนั้นถ้าดูเรื่องสู้รบกัน ข้าศึกจะชนะ ฝ่ายเราจะแพ้เสียผู้คน “ถ้าข้าศึกมา เรือนด� ำอยู่หน้า ศึกมาถึงเรา ถ้าใสอยู่หน้า มาแล้วกลับเล่า หน้าปลอดจักเปล่า ถ้าเจ็บอย่าฟัง” ถ้าเป็นข้างขึ้น นับยามมาตกที่ปลอด ด� ำจะอยู่ข้างหน้า ถามเรื่องข้าศึก ท� ำนายว่า ข้าศึก จะมาประชิดเรา แต่ถ้าเป็นข้างแรม นับยามตกที่ปลอด ใสจะอยู่ข้างหน้า ท� ำนายว่า ข้าศึกมาแล้วก็กลับ ไป ถ้าหน้าปลอด ท� ำนายว่า ไม่มีอะไร ถ้าถามเรื่องเจ็บไข้ ทายว่า ไม่ต้องเป็นห่วง เทียบกับข้อความในบท ต่อไปว่า “ถ้าว่าหน้าใส คนน้อยอย่าฟัง” ถ้าข้างหน้าใส ทายว่า ข้าศึกจะมาน้อย ไม่ต้องเป็นห่วง อันที่จริงต� ำราฉบับนี้ไม่บอกไว้ชัดว่าวันหนึ่งแบ่งเป็นกี่ยาม อาจแบ่งกลางวันและกลางคืนออกเป็น อย่างละ ๔ ยามก็ได้ ตามที่แบ่งกลางวันออกเป็น ๘ ยามนี้ อนุโลมตามต� ำราฤกษ์ยามของนายเหรียญ มีเดช (นาครเขษมบุ๊คสโตร์ พ.ศ. ๒๔๗๕) ต� ำรานายเหรียญ นับวันและยามต่อกันไปแบบเดียวกับต� ำรา ข้างบนนี้ แต่ทายวันและยามแยกจากกัน เช่น วันอาจจะตกต� ำแหน่งที่ดีแต่ยามตกต� ำแหน่งที่ไม่ดี ก็ให้ทาย เป็นปานกลาง ส่วนต� ำราที่น� ำมาอธิบายนี้ นับยามต่อไปจากวันขึ้นแรม แล้วทายตามยามที่ตกแต่อย่างเดียว ต่อไปนี้เป็นค� ำประพันธ์แบบกาพย์ตามต� ำราฉบับเดิม ท่านท้าวตรีเนตร เล็งญาณชาญเหตุ แต่ยามสามตา คือยามทิพย์ยล ยามนี้วิเศษ ท่านท้าวตรีเนตร เล็งรู้เหตุผล ผู้ใดได้พบ ยามเจ้าจุมพล อาจเข้าใจคน เรียนรู้ทุกประการ. เดือนแรมบ่ผิด ให้นับอาทิตย์ ไปหาอังคาร เวียนไปตามค�่ ำ แล้วจึงนับยาม ชอบเวลางาม จึงทาย อย่าคลา. ถ้าเดือนขึ้นไซร้ นับอาทิตย์ไป หาพระจันทรา นับตามค�่ ำแล้ว จึงนับยามมา ให้ชอบเวลา แม่นแล้ว จึงทาย.
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=