สำนักงานราชบัณฑิตยสภา
77 อนุสรณ์ในการพระราชทานเพลิงศพ ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร พญาเม็งรายทรงปกครองโดยอาศัยกฎหมายมีชื่อว่า มังรายศาสตร์ จากมังรายศาสตร์ฉบับวัดเสาไห้ ซึ่งเป็นฉบับที่คัดไว้เก่าแก่ที่สุดเมื่อ พ.ศ. ๒๓๔๒ กฎหมายนี้เป็นราชศาสตร์ซึ่งรวบรวมข้อความที่กษัตริย์ ทรงวินิจฉัยไว้ แล้วจัดเป็นหมวดหมู่ ใช้ร่วมกับธรรมศาสตร์ซึ่งเป็นกฎหมายหลักดัดแปลงมาจาก ธรรมศาสตร์ของพวกฮินดู แต่เดิมมังรายศาสตร์คงจะมีอยู่เพียง ๒๒ ข้อแรก ต่อมา ได้เพิ่มเติมข้อความขึ้นอีก หลายยุคหลายสมัย จนมีข้อความยาวขึ้นกว่า ๑๐ เท่า ข้อความเดิมมีเรื่องหนีศึก ท� ำความชอบในสงคราม ให้ไพร่ผลัดเวรมาท� ำงานหลวง ๑๐ วัน กลับไปสร้างเหมืองฝายไร่นาเรือกสวนที่ดิน ๑๐ วัน สลับกันไป ไพร่ สร้างไร่นาได้ให้ท� ำกิน ๓ ปีก่อน จึงเก็บค่านาค่าสวน ฯลฯ พญาเม็งรายทรงบัญญัติกฎหมายนี้ไว้เพื่อให้ท้าว พญาทั้งหลายผู้เป็นลูก หลาน เหลน และเสนาอ� ำมาตย์ผู้ปกครองเมืองสืบไป รู้จักผิด รู้จักชอบตามบัญญัติ ในมังรายศาสตร์นี้ ในด้านศาสนา พญาเม็งรายทรงให้ช่างก่อเจดีย์กู่ค� ำ (วัดเจดีย์เหลี่ยม) ที่เวียงกุมกาม และให้สร้าง อารามวัดการโถม (วัดช้างค�้ ำ) สร้างพระพุทธปฏิมากร ๕ พระองค์ สูงใหญ่เท่าส่วนองค์ของพญาเม็งราย สร้างมหาวิหารและเจดีย์ที่วัดนี้ พระองค์ทรงส่งช่างการโถมผู้สร้างวัดการโถมไปครองเมืองรอย (ต่อมา ตั้งเป็นเมืองเชียงแสน) พญาเม็งรายทรงส่งราชบุตรองค์ใหญ่ชื่อ ขุนเครื่อง ไปครองเชียงราย แต่ต่อมาคิดขบถ พระองค์จึง ทรงใช้คนไปฆ่าเสีย ราชบุตรองค์ที่ ๒ ชื่อ ขุนคราม ไปตีเมืองล� ำปางได้ จึงได้เป็นพญาชัยสงครามครองเมือง เชียงราย องค์ที่ ๓ ชื่อ ขุนเครือ ครองเมืองพร้าว ถูกเนรเทศไปเมืองกองใต้ พวกไทยใหญ่สร้างเมืองนาย ให้ขุนเครือครอง พญาเม็งรายมีพระชนมายุได้ ๗๓ ปี ถูกอสุนีบาตตกต้องสวรรคตกลางเมืองเชียงใหม่ พญาชัยสงครามขึ้นครองราชย์แทน ราชวงศ์เม็งรายครอบครองอาณาจักรล้านนาไทยเป็นเอกราชอยู่ และเคยขยายอาณาเขตลงมาถึง พะเยา ตาก น่าน แพร่ สวรรคโลก และสุโขทัย จนถึง พ.ศ. ๒๑๐๑ จึงถูกพม่าตีแตก หลังจากนั้น ล้านนา ไทยเป็นเมืองขึ้นของพม่าบ้าง เป็นเอกราชบ้าง และเป็นเมืองขึ้นของอยุธยาบ้าง รวมเป็นเวลาประมาณ ๒๐๐ ปี จึงได้ร่วมมือกับไทยทางใต้ขับไล่พม่าไป และมารวมเป็นประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน การที่พญาเม็งรายได้ทรงรวบรวมอาณาจักรล้านนาไทยขึ้นมา จัดได้ว่าเป็นส่วนส� ำคัญส่วนหนึ่งที่ ท� ำให้ดินแดนของประเทศไทยกว้างใหญ่ไพศาลออกไป. หนังสืออ้างอิง ๑. กรมศิลปากร, ชินกาลมาลีปกรณ์. พ.ศ. ๒๕๐๑. ๒. สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ต� ำนานสิบห้าราชวงศ์ เล่มที่ ๑. พ.ศ. ๒๕๒๔. ๓. พงศาวดารโยนกฉบับหอสมุดแห่งชาติ. ส� ำนักพิมพ์คลังวิทยา, พ.ศ. ๒๕๐๗. ๔. ประเสริฐ ณ นคร, มังรายศาสตร์. เรียบเรียงเป็นภาษาปัจจุบัน, ๒๕๑๔.
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=