สำนักงานราชบัณฑิตยสภา
76 อนุสรณ์ในการพระราชทานเพลิงศพ ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร ซึ่งต่อมาเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรล้านนา เมื่อสร้างเมืองใหม่แต่ละครั้ง พญาเม็งรายได้เสด็จไปประทับ อยู่ ณ เมืองใหม่นั้น ทั้งนี้ คงมีพระประสงค์ที่จะสร้างชุมชนขึ้นใหม่ เพื่อรวบรวมผู้คนที่กระจัดกระจายกันอยู่ ให้มาตั้งเป็นเมืองใหม่ขึ้น ในขณะเดียวกันก็ทรงแสวงหาชัยภูมิที่เหมาะสมจะเป็นเมืองหลวงถาวรของ พระองค์ต่อไป พญาเม็งรายทรงตีได้เมืองมอบ เมืองไร และเมืองเชียงค� ำ หัวเมืองที่มาอ่อนน้อมยอมเป็นเมืองขึ้น เช่นเมืองร้าง ต่อมา ทรงตีได้เมืองเชียงของ พ.ศ. ๑๘๑๒ เมืองเซริง พ.ศ. ๑๘๑๘ พระองค์ทรงปรารถนาที่จะได้เมืองหริภุญชัย (ล� ำพูน) เพราะเป็นเมืองมั่งคั่ง สมบูรณ์ เป็นศูนย์กลาง การค้าระหว่างประเทศ และมีทางน�้ ำติดต่อกับละโว้และอโยธยา จึงทรงใช้อ้ายฟ้าไปเป็นไส้ศึกอยู่ในเมือง หริภุญชัย อ้ายฟ้าได้ใช้วิธีท� ำให้ราษฎรไม่พอใจพญาญีบากษัตริย์เมืองหริภุญชัย โดยเกณฑ์ประชาชนไป ขุดเหมืองในฤดูร้อนเพื่อน� ำน�้ ำจากแม่น�้ ำปิงมายังแม่น�้ ำกวงเป็นระยะทาง ๓๖ กม. เหมืองนี้ยังใช้ได้ดีมาถึง ปัจจุบัน นอกจากนี้ อ้ายฟ้ายังตัดไม้ซุงลากผ่านนาชาวบ้านในฤดูปลูกข้าว ท� ำให้ข้าวเสียหายเป็นอันมาก โดยอ้ายฟ้าแจ้งให้ประชาชนทราบว่า พญาญีบาจะทรงสร้างพระราชวังใหม่ ประชาชนจึงเต็มใจจะให้ พญาเม็งรายเข้ามาปกครองพวกตนแทนพญาญีบา อ้ายฟ้าเป็นไส้ศึกอยู่เกือบ ๗ ปี พญาเม็งรายจึงยึดเมือง หริภุญชัยได้โดยง่ายเมื่อ พ.ศ. ๑๘๒๔ (ชินกาลมาลีปกรณ์ว่า พ.ศ. ๑๘๓๕ ซึ่งน่าจะถูกต้องกว่า) พระองค์ทรง ยึดครองนครเขลางค์ (ล� ำปาง) ได้เมื่อ พ.ศ. ๑๘๓๙ เมืองพุกามยอมอ่อนน้อมต่อพระองค์เมื่อ พ.ศ. ๑๘๓๓ ตามพงศาวดารโยนก พญาเม็งรายได้ทรงน� ำช่างฆ้อง ช่างหล่อ ช่างเหล็ก และช่างต่าง ๆ กลับมาจากพุกาม ด้วย แล้วทรงส่งช่างทองไปอยู่ที่เชียงตุง แต่เรื่องนี้ไม่ปรากฏในชินกาลมาลีปกรณ์ ถ้าเทียบปีตามเหตุการณ์ อื่น ๆ ในชินกาลมาลีปกรณ์ น่าจะเป็น พ.ศ. ๑๘๔๓ มากกว่า ด้วยเหตุที่เมืองมอญอยู่ในความคุ้มครอง ของสุโขทัยสมัยพ่อขุนรามค� ำแหงมหาราช จึงน่าจะต้องรอให้สิ้นรัชสมัยของพระองค์ท่านเสียก่อน อนึ่ง จากเอกสารจีนและเอกสารไทยลื้อ พญาเม็งรายได้ทรงยกกองทัพไปตีเมืองเชียงรุ่ง และตีพม่าบางส่วน เมื่อ พ.ศ. ๑๘๔๐ และทรงตีสิบสองพันนาในปีต่อไปราว พ.ศ. ๑๘๔๔ จีนยกมาตีล้านนา แต่ไม่สามารถ เอาชนะได้ อาณาเขตของล้านนาสมัยพญาเม็งราย ทางทิศเหนือถึงเชียงรุ่ง เชียงตุง ทางทิศตะวันออกถึง แม่น�้ ำโขง แต่ไม่รวมพะเยา น่าน และแพร่ ทางทิศใต้ถึงล� ำปาง ทางทิศตะวันตกถึงพุกาม นอกจากนี้ พญาเม็งรายยังทรงมีสัมพันธไมตรีกับพญาง� ำเมืองแห่งพะเยาและพ่อขุนรามค� ำแหง มหาราช ทั้ง ๓ พระองค์ทรงเป็นศิษย์ร่วมส� ำนักเดียวกัน ณ เมืองละโว้ และเป็นพระสหายร่วมสาบานกัน เมื่อพญาเม็งรายสร้างเมืองเชียงใหม่ก็ได้ทรงปรึกษาหารือกับพระสหายทั้ง ๒ พระองค์ และทรงยินยอม ลดขนาดของเมืองจากความยาวด้านละ ๒๐๐๐ วา ลงมาเหลือประมาณครึ่งหนึ่งตามข้อเสนอของพ่อขุน รามค� ำแหงมหาราช เพราะเกรงว่าในอนาคตเมื่อเกิดศึก อาจจะไม่มีคนมากพอที่จะรักษาบ้านเมืองไว้ได้ มิตรภาพระหว่างกษัตริย์ทั้ง ๓ นี้ เป็นผลให้ไทยสามารถขยายดินแดนกว้างขวางออกไปโดยไม่ห่วงหน้า พะวงหลัง
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=