สำนักงานราชบัณฑิตยสภา

71 อนุสรณ์ในการพระราชทานเพลิงศพ ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร และโรมันโบราณ เมื่อกว่า ๒,๐๐๐ ปีมาแล้ว คือ อะแคเดมี (Academy) ของพลาโต (Plato) และไลซีอัม (Lyceum) ของอริสโตเติล (Aristotle) ส� ำนักศึกษาในยุคนั้นมุ่งพัฒนาความเรืองปัญญาและคุณธรรมของ ผู้เรียน จึงเน้นการให้ความรู้ประเภทปรัชญาตรรกศาสตร์ ภาษา และกฎหมาย ให้เป็นความรู้พื้นฐานส� ำหรับ คนกลุ่มเฉพาะให้เป็นอภิชน (Elite) เพื่อเตรียมท� ำหน้าที่ปกครองประเทศ ต่อมา ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๗ ซึ่งเป็นมัธยสมัยของยุโรป ได้มีการรวมกลุ่มนักวิชาการผู้ทรง คุณวุฒิและนักศึกษาเข้าด้วยกันตามเมืองใหญ่ ๆ ในบางประเทศ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อการศึกษาวิชาที่ สนใจและเห็นประโยชน์ ยุคนั้นจึงนับเป็นการเริ่มก่อตั้งมหาวิทยาลัยอย่างถาวรในฐานะเป็นศูนย์รวม ความรู้ ความคิดทางวิชาการ ควบคู่ไปกับการศึกษาเพื่อการประกอบวิชาชีพชั้นสูงด้วย คือ ทางศิลปศาสตร์ กฎหมาย ศาสนา และแพทยศาสตร์ ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๒๒–๒๓ เป็นต้นมา บทบาทของความรู้ทางวิทยาศาสตร์ การค้นคว้าวิจัย และการใช้เทคโนโลยี ความก้าวหน้าทางวิชาการแขนงต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ของชีวิตและสังคมได้เข้าไปมี ส่วนส� ำคัญในการตั้งจุดมุ่งหมายและการด� ำเนินงานของมหาวิทยาลัย โดยเริ่มขึ้นก่อนที่ประเทศเยอรมนี และในสมัยต่อมาจนถึงปัจจุบันก็ได้มีการผสมผสานแนวคิดและการด� ำเนินงานของมหาวิทยาลัยให้มี ลักษณะครอบคลุมงานด้านการสอน การวิจัย บริการ และการทะนุบ� ำรุงศิลปวัฒนธรรมดังที่ได้กล่าวมา แล้วในตอนต้น อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยแต่ละประเทศก็อาจมีการเน้นเฉพาะลักษณะเด่นบางลักษณะ ที่แตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเช่น มหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษ เน้นการศึกษาระดับปริญญาตรีให้สามารถ ผลิตบัณฑิตที่ใช้งานได้ดี มหาวิทยาลัยเยอรมัน เน้นการค้นคว้าวิจัย และงานระดับบัณฑิตศึกษา ส่วน มหาวิทยาลัยอเมริกัน ให้ความส� ำคัญมากต่อการบริการสังคม เป็นต้น โดยสรุปแล้ว อาจกล่าวได้ว่า แนวคิดและการด� ำเนินงานของมหาวิทยาลัยจากประเทศตะวันตกได้ แพร่หลาย และมีอิทธิพลต่อระบบมหาวิทยาลัยของประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก มหาวิทยาลัยในประเทศไทย ในสมัยโบราณ การศึกษาระดับสูงของคนไทยมีจ� ำกัดเฉพาะคน กลุ่มน้อย คือ ผู้ชายที่ได้บวชเรียนรับการศึกษาจากวัด ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาของสงฆ์ และผู้ที่ได้อยู่กับ ส� ำนักนักปราชญ์ราชบัณฑิตในวังหรือในครอบครัวของขุนนางชั้นสูง การศึกษาในระยะนั้นเป็นการเน้น ทางด้านอักษรศาสตร์ ศาสนา ขนบธรรมเนียมประเพณี และการฝึกความเชี่ยวชาญในวิชาชีพบางแขนง แนวคิดและการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเพิ่งเริ่มขึ้นเมื่อประมาณ ๑๐๐ ปีมานี้เอง การพัฒนาการของมหาวิทยาลัย ไทย อาจแบ่งอธิบายได้เป็น ๕ ช่วงระยะ กล่าวคือ ช่วงระยะที่ ๑ คือ ช่วงเวลาก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง (พ.ศ. ๒๔๗๕) สืบเนื่องจากอิทธิพล จากแนวคิดทางการศึกษาของตะวันตก และความต้องการก� ำลังคนส� ำหรับรับราชการ จึงได้มีการจัดตั้ง มหาวิทยาลัยแห่งแรกในประเทศไทยขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๙ คือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นการยกฐานะ โรงเรียนข้าราชการพลเรือนขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยเพื่อให้ผลิตนักวิชาชีพชั้นสูงเข้ารับราชการ โดยมีคณะวิชา

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=