สำนักราชบัณฑิตยสภา
ราชบัณฑิตยสภา 65 อยู่ในระหว่างการพิจารณา นับว่าเป็นพระราชบัญญัติฉบับแรกที่ได้มีการก� ำหนดสมรรถนะตามช่วงวัยไว้ให้ ตลอดสาย คือเริ่มตั้งแต่ช่วงวัยที่ ๑ คือเด็ก ๐–๑ ปี และช่วงวัยที่ ๒ คือ ๑–๓ ปี และ ๓–๖ ปี และ ๖–๑๒ ปี เรื่อยไปจนถึงระดับอุดมศึกษาซึ่งมีทั้งหมดรวม ๗ ช่วงด้วยกัน ได้ระบุสมรรถนะส� ำคัญไว้ให้ ถ้า (ร่าง) พระราชบัญญัติฉบับนี้ได้รับการประกาศใช้ สถาบันการศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานก็จะต้องน� ำมาใช้ ในการพัฒนาผู้เรียน ในตอนต้นได้มีท่านศึกษานิเทศก์ท่านหนึ่งที่ได้กล่าวว่าเวลาไป coach ครูก็จะพบว่า ครูได้รับการอบรมอะไรต่ออะไรมากมาย แต่ปรากฏว่าครูแทบไม่ได้ใช้เลย เพราะว่าสิ่งที่ได้รับการอบรม รับรู้มาไม่ได้มีการน� ำมาปฏิบัติจริง เพราะมีภารกิจมากเกินไป ครูมักพึ่งพาต� ำราหนังสือเป็นหลัก นี้ก็เป็น สภาพการณ์ที่เป็นจริงซึ่งเราพบเห็นกันโดยทั่วไป ซึ่งตรงนี้ใน (ร่าง) พระราชบัญญัติการศึกษาได้มีการก� ำหนด ให้มีสถาบันพัฒนาหลักสูตรและการเรียนรู้ขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ตรงนี้ คือหมายความว่าถ้าเรามีสถาบันที่จะ ดูแลในเรื่องของหลักสูตรและเรื่องของการเรียนการสอนแบบเป็นระบบครบวงจร ก็จะมีผู้ไปช่วยเหลือครู อย่างเป็นระบบรวมทั้งการช่วยเหลือครูในด้านอื่น ๆ ซึ่ง (ร่าง) พระราชบัญญัติจะมีหลาย ๆ ส่วนที่จะช่วยเหลือครู ช่วยให้ครูได้กลับมาสู่ห้องเรียนแทนที่จะเอาครูออกจากห้องเรียนไปท� ำงานอย่างอื่น ก็ได้มีข้อก� ำหนด ที่ส่งเสริมให้หลักสูตรเป็นหลักสูตรมุ่งสู่การพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียน ซึ่งได้ก� ำหนดไว้แล้วในมาตราที่ ๘ ตามช่วงวัย ทีนี้ในการพัฒนาหลักสูตรต้องใช้เวลา ถ้าท� ำให้สมบูรณ์เป็นระบบครบวงจร มีความสอดคล้องกัน ตั้งแต่ตัวหลักสูตรไปจนถึงกระทั่งระบบการเรียนการสอนและการวัดประเมินผล ตรงนี้จะต้องมีการด� ำเนินการ ที่เป็นระบบ ระเบียบ และต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะฉะนั้นคงไม่ได้เกิดขึ้นภายในไม่กี่เดือน อาจต้องใช้ เวลาเป็นปี ถ้าสถานศึกษามัวแต่รอว่าเมื่อใดหลักสูตรจะเสร็จแล้วค่อยด� ำเนินการ สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็จะเหมือน ในอดีตที่เกิดขึ้นแล้ว ก็คือว่าเมื่อเวลามีการประกาศใช้หลักสูตร ปรากฏว่าคนใช้หลักสูตรจะไม่ค่อยรู้เรื่องแล้วจะเกิด ปัญหาตามมาว่าหลักสูตรก� ำหนดไว้อย่างนี้ แต่ว่าครูไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย เพราะฉะนั้นจึงคิดว่า ในขณะที่หลักสูตรอยู่ในกระบวนการพัฒนาจึงน่าที่จะมีการด� ำเนินการในอีก track หนึ่งเป็น ๒ tracks ไปพร้อม ๆ กัน คือ track พัฒนาหลักสูตรก็ต้องพัฒนาไปตามหลักการ ส่วนอีก track หนึ่งก็คือ track ที่ช่วย พัฒนาครูปัจจุบัน ครูประจ� ำการปัจจุบันที่ก� ำลังสอนอยู่ให้มีความเข้าใจและพยายามปรับการเรียนการสอน ของตนเองให้มุ่งสู่สมรรถนะ ซึ่งจริง ๆ แล้วสามารถท� ำได้ เพราะว่าหลักสูตรปัจจุบันที่เป็นหลักสูตรอิงมาตรฐาน ได้ให้ K P A เอาไว้แล้ว หลักสูตรฐานสมรรถนะต้องอาศัย K P A ด้วย เพราะฉะนั้น สิ่งที่ท� ำมาไม่ใช่สูญเปล่า จริง ๆ ก็ยังเป็นฐานส� ำคัญ เพียงแต่ว่าหลักสูตรอิงมาตรฐานนั้น ตัวชี้วัดจ� ำนวนมากไปเน้นที่ตัว K การสอน ของครูจึงไปเน้นที่ตัว K โดยตัว P กับตัว A มีน้อยเกินไป นักเรียนก็เลยท� ำอะไรไม่ค่อยเป็น เพราะเวลาส่วนใหญ่ ไปให้กับตัว K และสิ่งที่ขาดจริง ๆ คือขาดสถานการณ์ที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้น� ำเอาตัว K P A ที่ได้เรียนรู้ ไปใช้จริง คือขาดสถานการณ์เชื่อมโยงกับความเป็นจริงและผู้เรียนได้น� ำเอา K P A ที่ตัวเองได้เรียนรู้นั้นไปใช้ จริง เพราะฉะนั้น เหมือนกับว่าจริง ๆ หลักสูตรอิงมาตรฐานก็ได้ช่วยครูไปได้ระดับหนึ่งแล้ว เพียงแต่ครูยังน� ำ นักเรียนไปไม่ถึงการเกิดสมรรถนะ ความสามารถในการน� ำความรู้ไปใช้ การพัฒนาครูประจ� ำการให้มีความ รู้ ความเข้าใจ ในการจัดการเรียนการสอนฐานสมรรถนะภายใต้หลักสูตรปัจจุบันไปก่อน จะช่วยสร้างความ
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=