สำนักราชบัณฑิตยสภา
ราชบัณฑิตยสภา 64 หมดแล้ว ที่เราเคยเรียนจิตวิทยามาแต่เดิมก็มีการเปลี่ยนแปลงมากเหลือเกิน และอย่างสุดท้ายคือวิถีดิจิทัล เราไม่สามารถทิ้งสื่อเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้อีกต่อไป แต่ทั้ง ๔ วิถีนี้ต้องบูรณาการอย่างเป็นสัดส่วน เหมาะสมกับ สถาบันที่ท่านอยู่ ดังนั้น ใครก็ตามที่บริหารการศึกษาระดับประเทศจะต้องให้เสรีภาพต่อสถาบันการศึกษา ให้สถาบันการศึกษามีเสรีภาพที่จะพัฒนา ๔ วิถีนี้ในลักษณะบูรณาการที่เหมาะสมกับตนเอง ดิฉันจึงคิดว่า การกระจายอ� ำนาจอย่างแท้จริงเป็นค� ำที่เราพูดมานาน แต่เราจะกระจายโดยการให้เสรีภาพแก่สถาบันการศึกษา ก่อนได้หรือไม่ ทุกครั้งที่ดิฉันไปพบกับครูทั้งหลาย ครูจะบอกว่าเราอยากจะท� ำอย่างนั้น อย่างนี้ แต่ติดที่ ไม่ตรงกับตรงนั้น ไม่ตรงกับตรงนี้ตลอดเวลา การเป็นศึกษานิเทศก์ก็เปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน ที่ส� ำนักงานกองทุน สนับสนุนการวิจัย (สกว.) หรือที่ตอนนี้เป็นส� ำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เราท� ำเรื่อง coaching มาก เราท� ำซุ้มกาแฟที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง เป็นคลินิกที่เราจะช่วยให้ครูมาหาเรา ขอให้ทุกคนในวันนี้ตระหนักในบทบาทของตัวเองว่าจะมีส่วนช่วยประเทศชาติของเราได้อย่างไร และจะช่วย คนรุ่นใหม่ให้เติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณค่าได้อย่างไร ขอบคุณค่ะ ในเรื่องบทบาทของสถาบันการศึกษากับการ พัฒนาความฉลาดรู้คงจะต้องเริ่มตั้งแต่ระดับอนุบาล ซึ่ง ในปัจจุบันมีกรอบสมรรถนะเด็กปฐมวัยเพื่อใช้ในการจัด ประสบการณ์เรียนรู้ให้เด็ก มีอยู่ ๒ ช่วง ช่วงตั้งแต่ ๐–๓ ปี และ ๓–๖ ปี มีอยู่แล้วและค่อนข้างชัดเจนมาก มี รายละเอียดทั้งหมด ๗ ด้านด้วยกัน เพราะฉะนั้น สถาน ศึกษาที่เปิ ดสอนในระดับอนุบาลสามารถใช้ กรอบ สมรรถนะที่สภาการศึกษาได้พิมพ์ออกมาแล้วเป็นหลักใน การจัดการศึกษาให้แก่เด็ก ๆ จากผลการวิจัยพบว่า ด้าน ที่เด็กปฐมวัยของเรายังค่อนข้างด้อยอยู่ คือ อยู่ในระดับ quartile ท้าย ๆ ซึ่งเป็นสมรรถนะที่เด็กอนุบาลเพียงร้อยละ ๒๕ ของเด็กอนุบาลทั้งหมดท� ำได้ จะอยู่ในกลุ่ม ของพัฒนาการด้านสติปัญญา โรงเรียนที่สอนในระดับอนุบาลน่าจะลองน� ำเอาสมรรถนะที่เด็กยังด้อยอยู่มาพัฒนา เด็กให้มากขึ้น แล้วเมื่อเด็กจบอนุบาล ๓ ขึ้น ป. ๑ ตรงนี้เป็นจุดที่ค่อนข้างส� ำคัญมากเพราะว่าเด็กจะอยู่ ในช่วงของ transition เราพบว่าเด็ก ๆ ที่ขึ้นมาระดับ ป. ๑ มีความพร้อมที่แตกต่างกันมาก และมีสมรรถนะ ที่ติดตัวมาแตกต่างกันมาก เพราะฉะนั้น สถานศึกษาในระดับที่ดูแลเด็กอนุบาลและประถมศึกษาก็น่าที่จะ จัดการเรียนการสอนให้เด็กมี smooth transition คือเปลี่ยนผ่านรอยเชื่อมต่ออย่างราบรื่น คือต้องดูแลว่าเด็ก ที่ผ่านขึ้นมายังขาดสมรรถนะใด น่าที่จะส่งเสริม ซ่อมเสริมสมรรถนะนั้นและค่อยเพิ่มเสริมขึ้นไปตามล� ำดับ ซึ่งรวมทั้งการจัดประสบการณ์การเรียนการสอนให้สามารถช่วยให้เด็กมีการปรับตัวที่จะเรียนรู้และเข้าสู่ระบบ ของการจัดการศึกษาแบบมีระบบต่อไป ทีนี้มาในระดับประถมศึกษา (ร่าง) พระราชบัญญัติฉบับใหม่ ซึ่งขณะนี้ รองศาสตราจารย ดร.ทิศนา แขมมณี ราชบัณฑิต
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=