สำนักราชบัณฑิตยสภา

ราชบัณฑิตยสภา 49 จากภาพ การจะมีความฉลาดรู้ทางเศรษฐกิจได้ต้องใช้ความรู้ด้านซ้ายมือไปท� ำให้เกิดความคิดใหม่ ในการปฏิบัติในชีวิตประจ� ำวันให้เป็นผู้ที่มีสมรรถนะ ๒ อย่าง คือ ๑. สมรรถนะในการเปลี่ยนพฤติกรรมการผลิต และการบริโภคให้มีคุณค่าในชีวิตจริง และ ๒. สมรรถนะในการสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ที่พึงประสงค์ ต้อง เป็นระบบเศรษฐกิจในอนาคตระยะยาว ผมขอใช้ค� ำว่าต้องมีความสามารถในการสร้าง “ระบบเศรษฐกิจ อัจฉริยะ” ซึ่งหมายถึง ระบบเศรษฐกิจที่มีการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมแล้วสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ในทาง เศรษฐกิจ นี่คือความฉลาดรู้เรื่องเศรษฐกิจ ส่วน ความฉลาดรู้การเงิน หมายถึง ความสามารถในการใช้ความรู้ที่เกี่ยวกับการเงิน เวลาพูดถึง ความรู้หรือ knowledge ให้รวมถึงความรู้ ความเข้าใจ ค่านิยม ความตระหนัก และทักษะทางการเงิน เพื่อ ไปสร้างสรรค์ความคิดใหม่ในการเป็นผู้ที่มีสมรรถนะ ๒ อย่างเช่นเดียวกัน คือ ๑. สมรรถนะในการเปลี่ยน พฤติกรรมการใช้เงินให้เป็นการใช้เงินเพื่อคุณภาพชีวิตหรือเพื่อชีวิตที่มีคุณค่า ไม่ใช่แค่เพื่อชีวิตที่มีความสุข และ ๒. นอกจากมีความสามารถในการเปลี่ยนพฤติกรรมทางการเงินให้ชีวิตมีคุณค่าแล้ว ยังต้องสามารถสร้าง ระบบการเงินใหม่ที่พึงประสงค์ในอนาคตระยะยาวหรือสร้างระบบการเงินอัจฉริยะด้วย ความฉลาดรู้ตัวต่อไปคือ ความฉลาดรู้ของผู้บริโภค นี้ก็ส� ำคัญมาก คือ การมีความรู้ ความเข้าใจ ค่านิยม ความตระหนัก และทักษะในการบริโภค บริโภคอย่างชาญฉลาด เพื่อให้เป็นคนที่มีสมรรถนะในการ เปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและสามารถสร้างระบบการบริโภคใหม่ที่พึงประสงค์มากกว่าเดิมในอนาคต ซึ่ง เราอาจเรียกว่า “ระบบบริโภคอัจฉริยะ” ด้วยก็ได้ สุดท้ายคือความฉลาดรู้ที่พลเมืองคุณภาพในอนาคตจะต้องมี ก็คือ ความฉลาดรู้ทางสังคม

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=