สำนักราชบัณฑิตยสภา
มาลิทัต พรหมทัตตเวที 595 วารสาร ราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ ๓๖ ฉบับที่ ๔ ต.ค.-ธ.ค. ๒๕๕๔ บูชา ตาเน (Tane) เทพผู้สร้างและปฏิเสธ ค� ำสั่งสอนของเทพเจ้า ศาสดา ๒ ท่านคือ ปารา-เวนูอา-เมอา (Para-whenua-mea) กับ ตูปู-นูอิ-อา-ตูอา (Tupu-nui-a-tua) สอนหลักค� ำสอนที่แท้จริงเกี่ยวกับการ แยกตัวระหว่างท้องฟ้าและแผ่นดิน แต่คน อื่น ๆ กลับหัวเราะเยาะพวกเขา ทั้งสอง โกรธมาก จึงต่อแพขนาดใหญ่ขึ้นที่ต้น แม่น�้ ำ โตฮิงกา (Tohinga River) สร้าง บ้านบนแพและน� ำรากเฟิร์น มันเทศ กับ สุนัขไปไว้บนแพด้วย เสร็จแล้วทั้งคู่จึง สวดอ้อนวอนให้ฝนตกหนักเพื่อให้มนุษย์ เชื่อในอ� ำนาจของตาเน ชายหนุ่ม ๒ คน ชื่อ ติอู (Tiu) และ เรติ (Reti) หญิงสาว ชื่อ ไว-ปูนา-ฮาอู (Wai-puna-hau) กับ ผู้หญิงอีกหลายคนก็โดยสารไปกับแพด้วย ติอูท� ำหน้าที่เป็นนักบวชบนแพ เขาสวด มนตร์เพื่อขอฝน และฝนก็ตกหนักเป็น เวลา ๕-๖ วัน จนติอูต้องสวดมนตร์ขอ ให้ฝนหยุดตก แต่แม้ฝนจะหยุดแล้วน�้ ำก็ ยังสูงขึ้นเรื่อย ๆ และพัดแพลอยไปตาม แม่น�้ ำโตฮิงกา จนออกทะเลไป ในเดือน ที่ ๘ น�้ ำเริ่มเบาบางลง ซึ่งติอูรู้ได้จากร่อง รอยบนไม้เท้าของเขา ในที่สุดแพก็ไปถึง ฮาวายกิ (Hawaiki) น�้ ำที่ท่วมท� ำให้สภาพ ของโลกเปลี่ยนแปลงไป และคนที่อยู่บน แพก็เป็นผู้รอดชีวิตเพียงกลุ่มเดียว พวกเขา ท� ำพิธีบูชาเทพ ตาเน เทพรังจิ (ท้องฟ้า) เทพเรฮูอา (Rehua) และเทพเจ้าองค์ อื่น ๆ ที่แท่นบูชาแยกกันแต่ละองค์ หลัง จากก่อไฟโดยการใช้ไม้ ๒ อันถูกันแล้ว พวกเขาได้ถวายสาหร่ายทะเลเพื่อแสดง ความขอบคุณที่เทพเจ้าได้ช่วยให้รอดตาย ปัจจุบันนี้มีแต่หัวหน้านักบวชเท่านั้นที่ไป ยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ได้ อีกต� ำนาน หนึ่งมีว่าวีรบุรุษชื่อ ตาฮวากิ (Tawhaki) ถูกน้องเขย ๒ คนของเขาท� ำร้ายปางตาย แต่ตาฮวากิรอดไปได้และน� ำเหล่านักรบ ของเขากับครอบครัวของคนเหล่านั้นไป อยู่บนเขาสูง เขาสร้างหมู่บ้านที่มีการ ป้องกันขันแข็งบนเขา แล้วจึงขอให้เหล่า เทพซึ่งเป็นบรรพบุรุษของตนช่วยเขาแก้ แค้น น�้ ำจากสวรรค์จึงตกลงมาท่วมทุก คนบนโลกตายหมด ต� ำนานแนตเชซ ทางทวีปอเมริกาเหนือ มีเรื่องราว ของอินเดียแดงเผ่า แนตเชซ (Natchez) ซึ่ง เคยอาศัยอยู่แถบแม่น�้ ำมิสซิสซิปปีตอน ล่าง พวกนี้สร้างบ้านบนเนินดิน และเป็น เผ่าเดียวที่แบ่งเป็นวรรณะต่าง ๆ มีการ ติดต่อระหว่างเมืองต่าง ๆ และมีการจัด ระบบสังคมอย่างมีแบบแผน จนกระทั่ง ถูกอารยธรรมของพวกผิวขาวท� ำลาย ต� ำนานของอินเดียแดงเผ่านี้เล่าว่า สุนัข ตัวหนึ่งเตือนมนุษย์ซึ่งเป็นนายของมันให้ ต่อแพเพราะน�้ ำจะท่วม เมื่อระดับน�้ ำสูง ขึ้นทั้งคนและสุนัขก็เห็นภูเขาระเบิดและ มีสัตว์ประหลาดต่าง ๆ ออกมา แต่น�้ ำก็ ท่วมทุกสิ่งทุกอย่างตายหมด ยกเว้นมนุษย์ และสุนัขของเขาซึ่งแพถูกน�้ ำพัดพาให้ขึ้น ไปอยู่บนเมฆ สุนัขบอกมนุษย์ให้โยนมัน ลงไปในน�้ ำ มิฉะนั้นพวกเขาจะกลับไปที่ เก่าไม่ได้ เมื่อมนุษย์ท� ำตาม แพของทั้ง สองก็ลอยต�่ ำลง สุนัขบอกมนุษย์ไม่ให้ลง สู่พื้นดินจนกว่าน�้ ำจะแห้งได้ ๗ วัน และ แล้วก็มีคนเข้ามาหามนุษย์ ๓ กลุ่มด้วย กันเพราะพวกเขาเห็นแสงไฟบนแพ กลุ่ม แรกไม่สวมเสื้อผ้า กลุ่มที่ ๒ เสื้อผ้าขาด วิ่น และกลุ่มที่ ๓ สวมเสื้อผ้าสวยงาม คน ๓ กลุ่มนี้คือ ตัวแทนของพวกคนสามัญ พวกผู้ดี และพวกพระในสังคมของพวก แนตเชซโบราณ ต� ำนานอเมริกาใต้ ส่วนทางอเมริกาใต้ น�้ ำท่วมใหญ่ เกี่ยวพันกับการสร้างโลก เป็นผลของ การลงโทษเพื่อสร้างมนุษย์เผ่าพันธุ์ใหม่ ให้ดีกว่าเดิม ในต� ำนานของพวก คอยาโอ (Collao) เล่าว่า ชายเผ่าผู้หนึ่งพาตัวจามรี ของเขาไปหาหญ้ากิน แต่มันท� ำท่าโศกเศร้า ไม่ยอมกินหญ้า มันบอกว่าอีก ๕ วัน น�้ ำทะเลจะท่วมโลกและท� ำลายทุกสิ่ง ทุกอย่าง ตัวจามรีแนะน� ำให้เขาขึ้นไปบน ยอดเขา วิลคาโคโต (Villcacoto) และน� ำ อาหารไปให้พอส� ำหรับ๕วันที่บนยอดเขา มีสัตว์และนกอยู่แน่นขนัด น�้ ำทะเลเริ่มสูง ขึ้นและท่วมเขาทุกลูกยกเว้นวิลคาโคโต การที่ต้องอยู่กันอย่างเบียดเสียดเยียดยัด ท� ำให้หางสุนัขจิ้งจอกแหย่ลงไปในน�้ ำ ปลายหางของมันจึงกลายเป็นสีด� ำตั้งแต่ นั้นมา หลังจากเวลาผ่านไป ๕ วันน�้ ำก็ลด และมีผู้คนสืบเชื้อสายจากชายผู้นี้ต่อมา ต� ำนานกีโต ทางแถบชายฝั่งทะเลแถวเมือง กีโต (Quito) ชนพื้นเมืองเล่าว่าเมื่อเกิดน�้ ำท่วม พี่น้อง ๒ คนหนีขึ้นไปอยู่บนยอดเขาสูง ชื่อ ฮัวคายยัน (Huacayñan) ระดับน�้ ำสูง ขึ้นเท่าใด ภูเขาก็สูงขึ้นตามไปด้วย เมื่อน�้ ำ ลดอาหารก็หมดลง พวกเขาพากันไปหา อาหารและสร้างกระท่อมเล็ก ๆ อยู่วันหนึ่ง เมื่อสองพี่น้องกลับถึงบ้ านก็พบว่ ามี อาหารและเครื่องดื่มรออยู่แล้วแต่ไม่รู้ว่า ใครเป็นผู้เตรียมไว้ให้ เหตุการณ์เช่นนี้เกิด
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=