สำนักราชบัณฑิตยสภา
น�้ ำท่วม ปัญหาโลกแตก The Journal of the Royal lnstitute of Thailand Volume 36 No. 4 Oct-Dec 2011 590 ๔ เท้า/๒ เท้า รวมทั้งมนุษย์บรรทุกไปให้ เต็ม ซิซุทรอสท� ำตามค� ำแนะน� ำ เมื่อเกิด น�้ ำท่วม ผู้ที่อยู่บนเรือเท่านั้นที่มีชีวิตรอด ไปได้โดยติดอยู่บนยอดเขา มีการส่งนก ๓ ชนิดคือนกเขา นกนางแอ่น และนก กาน�้ ำไปส� ำรวจพื้นที่เมื่อน�้ ำลด นก ๒ ชนิด แรกบินกลับมาโดยที่ขาเปื้อนโคลน เมื่อ นกกาน�้ ำไม่กลับมาแสดงว่าแผ่นดินแห้ง แล้ว ซิซุทรอสกับครอบครัวจึงออกจาก เรือและสร้างแท่นบูชาเพื่อสักการะเทพเจ้า คนที่ยังอยู่บนเรือได้ยินแต่เสียงของพวก เขาพูดว่าจะไปอยู่กับเทพเจ้าแล้ว ต่อไป พวกที่เหลือจะต้องหาทางกลับไปยัง บาบิโลเนียและขุดข้อเขียนที่ซิซุทรอส ฝังไว้ที่นครซิปปาราขึ้นมาเผยแพร่ต่อ ผู้คนและตั้งบ้านเมืองสืบต่อไป ต� ำนานเก่าแก่และน่าสนใจอีก เรื่องหนึ่งจากเมโสโปเตเมียคือเรื่องจาก มหากาพย์ กิลกาเมช (Gilgamesh) ตัว กิลกาเมชเองซึ่งเป็นวีรบุรุษนั้นไม่ได้มี ส่วนเกี่ยวข้องกับน�้ ำท่วมซึ่งเกิดก่อนสมัย ของเขา แต่เป็นเรื่องที่เขาได้รับฟังมาจาก บรรพบุรุษผู้เป็นอมตะคือ อุตนาพิชติม (Utnapishtim) เรื่องนี้เกิดขึ้นมานาน แล้วเมื่อเหล่าเทพประชุมตกลงกันว่าจะ ส่งน�้ ำมาท่วมโลกเพื่อให้มนุษย์จมน�้ ำตาย แต่เทพเออา ได้แอบเตือนอุตนาพิชติม ล่วงหน้าโดยการบอกเป็นนัยให้เขาต่อเรือ ถ้าใครถามก็ห้ามบอกเรื่องน�้ ำท่วม แต่ให้ ตอบว่าได้ท� ำให้ เอ็นลิล (Enlil) เทพแห่ง อากาศหรือลมพิโรธจึงต้องหาทางหนี อุตนาพิชติมต่อเรือด้วยเปลือกไม้และ บรรทุกครอบครัว ผู้คน และสัตว์ต่าง ๆ รวมทั้งแก้วแหวนเงินทองไว้ในเรือ เมื่อ ถึงเวลาได้เกิดพายุฟ้าฝน ๖ วัน ๖ คืน ซึ่ง แม้แต่เทพเจ้าเองยังหวาดผวา ในวันที่ ๗ พายุสงบลง เมื่อน�้ ำลดยอดเขาก็โผล่ เรือไป ติดอยู่ที่เขาไนเซอร์ ( Nisir หรือ Nizir ) ๒ อุตนาพิชติมสั่งให้นกเขากับนกนางแอ่น ออกไปดูสถานการณ์ นกทั้ง ๒ บิน กลับมาเพราะหาที่แห้งไม่ได้ เมื่อส่ง นกกาน�้ ำออกไปมันไม่บินกลับมาแสดง ว่าน�้ ำแห้งดีแล้ว อุตนาพิชติมจึงท� ำการ สักการะเทพเจ้าบนยอดเขา ซึ่งเหล่าเทพ ต่างก็ชื่นชมกับเครื่องสังเวยของพวกเขา มาก มีแต่เทพเอ็นลิลเท่านั้นที่ยังขุ่นข้อง เพราะเห็นว่ายังมีมนุษย์เหลือรอดอยู่ แต่ ในที่สุดเอ็นลิลก็หายโกรธและให้พรแก่ อุตนาพิชติมและภรรยาให้เป็นเหมือน เทพเจ้า คือเป็นอมตะมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไป ต� ำนานกรีก ส� ำหรับต� ำนาน กรีก เมื่อศตวรรษ ที่ ๕ ก่อนคริสตกาล พินดาร์ (Pindar) กวีชาวกรีกได้เขียนไว้ว่า เทพซุส (Zeus) บันดาลให้น�้ ำท่วมโลกเนื่องจากมนุษย์ ท� ำตัวเลวร้ายมาก มีผู้รอดตายคือ ดูเคเลียน (Deucalion) กับ เพอร์รา (Pyrrha) ภรรยาของเขา ดูเคเลียนเป็นบุตรของ โพรมีทีอุส (Prometheus) ผู้เฉลียวฉลาด และได้ชื่อว่ าเป็นบิดาแห่งมนุษยชาติ เพราะเป็นผู้น� ำไฟมามอบให้มนุษย์ใช้ และยังได้ให้ค� ำแนะน� ำสั่งสอนที่เป็น ประโยชน์แก่มนุษย์ในการด� ำรงชีวิตด้วย ดูเคเลียนเป็นคนดีจึงได้รับค� ำแนะน� ำให้ ต่อเรือ ทั้งคู่ขึ้นไปอยู่บนเรือ ซึ่งเมื่อฝนตก เกิดน�้ ำท่วมเรือก็ลอยอยู่ ๙ วัน ๙ คืน เมื่อ ฝนหยุดตกในวันที่ ๑๐ เรือได้ไปติดค้าง บนยอดเขา พาร์นัสซุส (Parnassus) เมื่อ น�้ ำลดดูเคเลียนกับภรรยาออกจากเรือและ ท� ำพิธีสังเวยซุส ซึ่งประทับใจในความ ภักดีของเขาและสัญญาว่าจะให้พรแก่ ดูเคเลียน สิ่งที่เขาขอคือให้ซุสบันดาลให้ เผ่าพันธุ์มนุษยชาติกลับมาด� ำรงอยู่ต่อไป อีกต� ำนานหนึ่งกล่ าวว่ าดูเคเลียนกับ เพอร์ราเดินทางไปที่เดลฟี (Delphi) เพื่อ สวดขอพรจากเทพีทีมิส (Themis) ซึ่ง สั่งให้ทั้งคู่คลุมศีรษะ แก้สายรัดเอวออก และโยนกระดูกของบรรพบุรุษคนแรกไป ข้างหลัง ดูเคเลียนกับภรรยางงอยู่พักใหญ่ ก่อนจะไขปริศนาได้ จึงใช้ผ้าคลุมศีรษะ เดินข้ามท้องทุ่งไปพร้อมทั้งโยนก้อนหิน ซึ่งเก็บขึ้นมาจากพื้นดินข้ ามไหล่ ไป ข้างหลัง ค� ำไขปริศนาคือ พวกเขาสืบ เชื้อสายมาจากจีอา (Gaia) ผู้เป็นแม่ธรณี และก้อนหินก็คือกระดูกของแม่ธรณี นั่นเอง ก้อนหินที่ดูเคเลียนโยนเกิดเป็น มนุษย์ ผู้ชาย ส่วนก้อนหินที่เพอร์ รา โยนเกิดเป็นมนุษย์ผู้หญิง ท� ำให้มีมนุษย์ สืบเผ่าพันธุ์ต่อไป ในต� ำนานนี้ไม่มีการ กล่าวถึงสัตว์ว่ารอดชีวิตมาได้อย่างไร แต่ อีกต� ำนานหนึ่งซึ่งใกล้เคียงกับเรื่องของ บาบิโลเนีย กล่าวว่า ดูเคเลียนน� ำสัตว์ทั้งที่ ดุร้ายและไม่ดุร้ายอย่างละคู่ไปในเรือด้วย และเทพเจ้าก็บันดาลให้สัตว์ทั้งหลายอยู่ ด้วยกันได้โดยไม่ท� ำอันตรายซึ่งกันและ กันจะเห็นว่าดูเคเลียนท� ำหน้าที่เป็นผู้สืบ ต่อเผ่าพันธุ์มนุษยชาติให้ด� ำรงต่อมา ๒ Niser (Nizir) : ชื่อสถานที่ที่เชื่อกันว่าเรือของอุตนาพิชติมไปติดอยู่ เทียบได้กับ Mount Ararat ซึ่งเรือของโนอาห์ในพระคัมภีร์เก่าไปติดอยู่ ในปัจจุบันนักโบราณคดีคาดว่าน่าจะเป็นภูเขา Pir Magrun (Gudrun) ซึ่งอยู่แถบ Suleimani ใน Kurdistan ของอิรัก
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=