สำนักราชบัณฑิตยสภา
จินตนา ด� ำรงค์เลิศ 577 วารสาร ราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ ๓๖ ฉบับที่ ๔ ต.ค.-ธ.ค. ๒๕๕๔ รู้สึกมือเย็นและเลือดฉีดขึ้นสมอง นัยน์ตา กระตุก เมื่อเดินผ่ านถนนมงปาร์นัส (Montparnasse) มีผู้คนเดินขวักไขว่ เขา ต้องสัมผัสกับผู้คนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บางคนผลักเขา บางคนกระทบศอกและ ไหล่ของเขา อีลแบร์บรรยายต่อไปว่า ...ทันทีทันใด ผมพบว่าตนเองอยู่ท่ามกลางฝูงคนเหล่านี้ ผมรู้สึกโดดเดี่ยว อย่างรุนแรง รู้สึกตัวลีบเล็ก คนเหล่านี้อาจท� ำร้ายผมถ้าพวกเขาต้องการ ปืนที่ผม พกไว้ในกระเป๋าท� ำให้ผมกลัว ผมรู้สึกว่าพวกเขาอาจคิดว่าผมมีอาวุธติดตัวอยู่... ผมอาจถูกประชาทัณฑ์ ผมอาจถูกพวกเขาโยนขึ้นเหนือศีรษะ แล้วทิ้งลงมาเหมือน หุ่นกระบอก ผมจึงตัดสินใจเลื่อนวันฆ่าคนไปวันรุ่งขึ้น... (Sartre 2007: 94) ...ผมไม่อยากฆ่าพวกเขาอีกแล้ว พวกเขาเดินลับไปในฝูงคนบนถนน ผม ยืนพิงผนังตึก ได้ยินนาฬิกาตีบอกเวลา ๒ ทุ่ม ๓ ทุ่ม ผมพูดย�้ ำกับตัวเองว่า: “ท� ำไมต้องฆ่าผู้คนเหล่านี้ซึ่งตายแล้ว” ผมอยากจะหัวเราะเสียจริง สุนัขตัวหนึ่ง เข้ามาเลียเท้าผม (Sartre 2007: 97) เพราะปืนเขาบรรจุกระสุนไว้ ๖ นัด พอถึง เวลา ๑ ทุ่ม ๕ นาที มีชาย ๑ คน หญิง ๑ คน เดินมากับเด็ก๒คน ข้างหลังเขามีหญิงชรา เดินตามมาอีก ๓ คน อีลแบร์เดินตามไป แต่เขามิได้ลงมือฆ่าบุคคลเหล่านั้นแม้แต่ คนเดียว เขาเล่าว่า เมื่อถึงวันที่เขาวางแผนไว้ อีลแบร์ เหงื่อตกจนเสื้อชุ่ม เขารู้สึกกลัว พอถึงเวลา ๖ โมงเย็น เขาจึงออกจากห้อง เอาจดหมาย ลูกโซ่ไปหยอดใส่ตู้ไปรษณีย์ เขาเดินไปถึง ถนนโอแดซาและยืนรออยู่ ผู้หญิง ๒ คน เดินผ่ านไป เขาก็ยังไม่ ได้ ลั่นไกปืน ต่อมาอีกครู่หนึ่ง มีผู้ชายเดินมาอีก ๓ คน เขายังคงปล่อยให้ผ่านไป บอกกับตนเอง ว่าเขาต้องการยิงคนติดต่อกัน ๖ คน อีลแบร์ปิดตัวเองอยู่ในห้องต่อ มาอีก ๓ วัน โดยไม่กินไม่นอน (Sartre 2007: 94) ต่อมาในวันจันทร์ มีคนมากด สัญญาณเรียก แต่อีลแบร์ไม่เปิดประตู พอตกกลางคืนเขาไปหาโสเภณีคนโปรด เมื่อเธอเปลือยร่าง เขาใช้ปืนจี้บังคับให้ เธอคลานบนพื้นห้อง หลังจากนั้นก็จับ เธอมัดไว้ที่เสาแล้วเล่าให้เธอฟังว่าเขาจะ ไปฆ่าคน อีลแบร์เปรียบผู้คนที่เดินขวักไขว่ อยู่บนถนนว่า “ตายแล้ว” เพราะเขามองว่า ชีวิตมนุษย์เหล่านี้ไร้สาระ ว่างเปล่าราวกับ คนที่ตายไปแล้ ว ค� ำพูดของอีลแบร์ ประโยคนี้สะท้อนความคิดของฌ็อง-ปอล ซาทร์ที่ว่า การใช้ชีวิตเพียงแค่ผ่านไปวัน ๆ อย่างไร้จุดหมายนั้นไม่พอเพียง คนเราน่า จะใช้ชีวิตให้มีสาระได้มากกว่าที่เป็นอยู่ ชีวิตของอีลแบร์ในเรื่อง Érostrate ก็ เช่นเดียวกัน ในเวลาต่อมา อีลแบร์เดินตามชาย ร่างอ้วนคนหนึ่งอย่างกระชั้นชิดจนเขา มองเห็นต้นคออวบสีแดง รอยย่นที่ต้นคอ ดูเหมือนกับรอยยิ้ม ทันใดนั้นชายร่างอ้วน หันกลับมายิ้มกับเขา และถามหาถนนเดอ ลาเกเต (rue de la Gaîté) อีลแบร์ตะลึง มองหน้าเขา และเมื่อเขายื่นมือมาเพื่อ ทักทาย อีลแบร์ก็รู้สึกรังเกียจการสัมผัส มือกับเขาอย่างรุนแรง เขาลั่นไกปืนใส่พุง ของชายอ้วนผู้นั้นไป ๓ นัด แล้ววิ่งหนีไป ผู้คนวิ่งไล่ตามจับอีลแบร์พร้อมกับ ร้องว่าเขาเป็นฆาตกร อีลแบร์ลั่นกระสุน ไปอีก ๒ นัด แล้ววิ่งเข้าไปในร้านกาแฟ เขาขังตัวเองอยู่ในห้องน�้ ำ คงเหลือกระสุน อีก ๑ นัด เขาพยายามจะฆ่าตัวตาย เขาเล่า ในตอนท้ายเรื่องว่า
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=