สำนักราชบัณฑิตยสภา
โรคมาลาเรี ยชนิ ดไวแวกซ์ The Journal of the Royal Institute of Thailand Vol. 37 No. 1 Jan.-Mar. 2012 144 ซ่อนพักในตับ แนวทางการรักษามาตรฐานส� ำหรับการติดเชื้อไวแวกซ์ที่แนะน� ำโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุไว้ในตารางที่ ๑ แนวทางหลักในการรักษาของแต่ละท้องถิ่นต้องพิจารณาภาวะการดื้อยา chloroquine และความเสี่ยงของการใช้ยา primaquine โดยอาจงดหรือปรับขนาดยา primaquine ตาม กลุ่มเสี่ยงสูงที่อาจมีภาวะเม็ดเลือดแดงแตกจากภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD กลุ่มผู้ป่วย กลุ่มยาต้านมาลาเรีย Primaquine เชื้อไม่มีการ ผู้ใหญ่และเด็ก Chloroquine ๑๔ วัน ดื้อยา หญิงตั้งครรภ์และเด็ก <๔ ปี Chloroquine ห้ามใช้ Chloroquine แม่ให้นมบุตร Chloroquine ระมัดระวัง * เชื้อดื้อยา ผู้ใหญ่และเด็ก Artesunate + Mefloquine or ACT ๑๔ วัน Chloroquine แม่ให้นมบุตร Artesunate + Mefloquine or ACT ระมัดระวัง * หรือการติดเชื้อ หญิงตั้งครรภ์ไตรมาสที่ ๑ Quinine + Clindamycin ห้ามใช้ ร่วมกับเชื้อ หญิงตั้งครรภ์ไตรมาสที่ ๒ Artesunate + Mefloquine or ACT ห้ามใช้ ฟัลซิพารัม และ ๓ เด็กอายุน้อยกว่า ๔ ขวบ Artesunate + Mefloquine or ACT ห้ามใช้ ตารางที่ ๑ การรักษาโรคมาลาเรียชนิดไวแวกซ์ ในผู้ป่วยที่มีระดับเอนไซม์ G6PD ปรกติ ถิ่นมาลาเรีย เชื้อมาลาเรียไวแวกซ์ ( P. vivax ) ที่ไม่มีภาวะดื้อยา chloroquine ยา chloroquine ได้รับการยอมรับและใช้อย่างกว้างขวางส� ำหรับการรักษาและป้องกันโรค มาลาเรียและยังคงเป็นยาล� ำดับแรกส� ำหรับเชื้อไวแวกซ์ทั่วโลกยกเว้นพื้นที่ที่มีภาวะดื้อยา ปัจจัยส� ำคัญ ที่จะก่อปัญหาการดื้อยาเกิดช้ากว่าและน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเชื้อฟัลซิพารัมเกี่ยวเนื่องกับชีววิทยาของ ระยะซ่อนพักในตับที่ก่อให้เกิดมาลาเรียกลับซ�้ ำจากเชื้อระยะไร้เพศรุ่นใหม่ที่ยังไม่ได้รับการสัมผัสกับยา ส� ำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการขาดเอนไซม์ G6PD ให้ primaquine ๐.๗๕ มก./กก. สัปดาห์ละครั้งเป็นเวลา ๘ สัปดาห์พร้อมเฝ้าระวังภาวะเลือดออก ACT = Artemisinin base combinded therapy คือ การรักษาด้วยยาร่วม artemisinin * primaquine ไม่ใช้ในหญิงให้นมบุตรยกเว้นทารกได้รับการทดสอบมีระดับเอนไซม์ G6PD ปรกติ
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=