สำนักราชบัณฑิตยสภา

43 รื่ นฤทั ย สั จจพั นธุ์ วารสารราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ ๓๗ ฉบับที่ ๒ เม.ย.-มิ.ย. ๒๕๕๕ ครั้นส� ำเร็จล� ำส� ำเภาแล้วเมื่อใด พระบิดาจะทรงเครื่องต้นมงคลพิชัยส� ำหรับกษัตริย์ ดังจะเอาพระสมาบัติ กระหวัดทรงเป็นสร้อยสังวาลวงอยู่สรรพเสร็จ จะเอาพระขันตีต่างพระขรรค์เพชรอันคมกล้า สุนทรจะ ย่างเยื้องลงสู่ที่นั่งท้ายเภตรา สูงระหง ปักทวนธงเศวตฉัตร ครั้นเวลาวายุพัดมาเฉื่อยฉิว ส� ำเภาทองก็จะ ล่องลิ่วไปตามลม สรรพสัตว์ก็จะชื่นชมโสมนัส ถึงจะเกิดลมกาฬพานกระพือพัดคือโลโภ ถึงจะโตสักแสน โตตั้งตีเป็นลูกคลื่นอยู่ครื้นโครมโถมกระแทก ส� ำเภานี้มิได้วอกแวกหวาดหวั่นไหว ก็จะแล่นระรี่เรื่อยเฉื่อย ไปจนถึงเมืองแก้ว อันกล่าวแล้วคือพระอมตมหานครนฤพาน พระลูกเอ่ยเจ้าจะนิ่งนานอยู่ไยในสระศรี จง ขึ้นมาช่วยพระบิดายกยอดปิยบุตรทานบารมีแต่ในครั้งเดียวนี้เถิด” เมื่อพระชาลีพระกัณหาเสด็จขึ้นจากสระน�้ ำและทรงกระท� ำตามค� ำของพระบิดาแล้ว พระเวสสันดร ทรงเอ่ยวาจายกพระชาลีพระกัณหาแก่ชูชก พร้อมทั้งหลั่งอุทกธาราใส่มือ ทันใดนั้นเกิดปรากฏการณ์ อัศจรรย์ทางธรรมชาติ เจ้าพระยาพระคลัง (หน) ได้พรรณนาไว้ด้วยภาษาที่อลังการเปี่ยมด้วยคุณค่าทาง วรรณศิลป์ ดังนี้ “เวสฺสนฺตโร ราชา อันว่าพระมหาเวสสันดรอดุลย์ดวงดิลก เมื่อพระองค์ทรงยกปิยบุตรทาน มิทันช้า จึงหล่อหลั่งอุทกธาราให้ตกลงเหนือมือทิชาจารย์ อัศจรรย์ก็บันดาลบังเกิดมี อยํ มหาปฐวี อันว่า ภาคพื้นพระธรณีอันหนาแน่นได้สองแสนสี่หมื่นโยชน์ เสียงอุโฆษครื้นครั่น ดังไฟบรรลัยกัลป์จะผลาญโลก ให้ท� ำลายวายวินาศ ฝูงสัตว์จตุบาทก็ตื่นเต้นเผ่นโผนโจนดิ้น ประหนึ่งว่าปัฐพินจะพลิกคว�่ ำพล�้ ำแพลงให้ พลิกหงาย อกนางพระธรณีจะแยกแตกกระจายอยู่รอน ๆ สะท้อนสะเทือนเลื่อนลั่นอยู่ครืน ๆ ดุจหนึ่งว่า ปืนสักแสนนัดมากระหน�่ ำ ซ�้ ำยิงอยู่เปรี้ยง ๆ เสียงฉะฉาดฉาน ทั้งพระยาคชสารชาติฉัททันต์ ทะลึ่งถลัน ร้องวะแหวแหว ประแปร๋แปร้นแล่นทะลวง งวงคว้างาเงย ประหนึ่งว่าจะสอยเสย เอาดวงดาว เหี้ยมห้าวกระหึมตกมันอยู่ ฮัด ๆ ดังว่าใครมายุแยงแกล้งผัดพาน เดือดทะยานอยู่ฮึกฮัก สะอึกไล่แทงเงา อยู่ผลุงผลัง ไม้ไล่พังผะผางโผงล้มพินาศ ทั้งพระยาพาฬมฤคราชเสือโคร่งค� ำราม ครืมกระหึมเสียงส� ำ เนียงก้ อง ร้ อง ปะเปิบปีบถีบทะยานย่องแยกเขี้ยวเคี้ยว ฟันตัวสั่นอยู่ริก ๆ ประหนึ่งว่าจะถาโถม โจมจิกเอาสัตว์ในไพรวัน มาคาบคั้นกิน รามสูร เมขลา

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=