สำนักราชบัณฑิตยสภา
อาหารการกิ นในวรรณกรรมเรื่ อง พระอภั ยมณี 132 The Journal of the Royal Institute of Thailand Vol. 37 No. 2 April-June 2012 “คิดพลางทางสั่งปังกะโละ ให้ยกโต๊ะเหล้าเข้มมาเต็มไห ทั้งของกินสิ้นทุกอย่างมาวางไว้ แล้วเรียกให้กุมาราออกมากิน พอกุมารขานขาลาแม่เลี้ยง มานั่งเคียงโจรสุหรั่งดังถวิล นายโจรจับจอกสุราออกมาริน สอนให้กินแก้ทุกข์สนุกใจ ฯ “สินสมุทสุดซื่อถือว่าน�้ ำ เขาส่งซ�้ ำรับซดจนหมดไห เมาสุราตาแดงดังแสงไฟ ฉวยเป็ดไก่เคี้ยวขยอกจนออกเรอ” (๒๑๔-๒๑๕) เมื่อเจ้าละมานได้สารนางละเวง ยกทัพมาช่วยเมืองลังการบ ฝ่ายลังกาได้เตรียมจัดกับแกล้มไว้ ต้อนรับเป็นอาหารรสจัดประเภทพล่าย� ำที่ท� ำจากเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ที่ไม่ได้ปรุงให้สุก โดยมีน�้ ำส้มราดเป็น เครื่องชูรส “ฝ่ายพ่อครัวหัวป่าก์หาแกล้มเหล้า จะเลี้ยงเหล่าพวกยักษ์มักกะสัน ๒ สังหารแพะแกะควายลงหลายพัน เอาแม่ขันรองเชือดเลือดเอาไว้ บ้างแล่เถือเนื้อสดรดน�้ ำส้ม ไม่แกงต้มตับดิบพอหยิบได้ ปรุงผักชียี่หร่าโรยพริกไทย ท� ำเตรียมไว้พร้อมเสร็จส� ำเร็จการ” (๔๓๖) มีการเชือดสัตว์รองเลือดไว้กินด้วย รวมทั้งเครื่องใน เช่น ตับ ไต ใส้ตัน เครื่องเทศ เช่น ผักชี ยี่หร่า พริกไทย น่าจะใช้เพื่อดับคาวและเพิ่มรสชาติ เมื่อเจ้าละมานเสด็จเข้าไปในวัง นางละเวงสั่งให้ตั้งโต๊ะเลี้ยง “ด� ำรัสพลางนางสั่งให้ตั้งเลี้ยง ล้วนโต๊ะเตียงแต่งงามตามวิสัย เครื่องพล่าย� ำน�้ ำส้มพรมพริกไทย สุกรแพะแกะไก่ล้วนใส่จาน ใบผักชียี่หร่าโรยหน้าพร้อม พระแสงส้อมมีดพับส� ำหรับฝาน สุราเข้มเต็มพระเต้าเก้าทะนาน พนักงานตั้งเตียงไว้เรียงราย ฯ” (๔๓๙) ๒ มักกะสัน คือ ชื่อชนชาวอินโดนีเซียในเมืองมากัสซาร์ตอนใต้ของหมู่เกาะเซลีเบส คนไทยเรียกว่าแขกมักกะสัน เข้ามาอยู่ในเมืองไทยตั้งแต่ รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นคนดุร้ายทรหด เจ้าละมานและไพร่พลรูปร่างใหญ่โต หน้าตาดุร้าย ฟันเสี้ยมเหมือนยักษ์ ชาวเมืองลังกาจึงเรียกว่า “พวกยักษ์มักกะสัน”
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=