สำนักราชบัณฑิตยสภา

อ็ องเดร มาลโร กั บโลกศิ ลปะ 102 The Journal of the Royal Institute of Thailand Vol. 37 No. 2 April-June 2012 ความคิดเรื่องชะตากรรมของอ็องเดร มาลโรนั้นมีก� ำเนิดมาจากความเชื่อทางศาสนาคริสต์ที่ว่า มนุษย์แต่ละคนเกิดมามีตราบาปดั้งเดิมติดกายมา (péché originel) ตราบาปอันนี้เองที่ อ็องเดร มาลโร เรียกว่า “ชะตากรรม” ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกไม่พ้น พระผู้เป็นเจ้าทรงอ� ำนาจเด็ดขาดในการลิขิตชะตากรรม ของมนุษย์ ความมีอ� ำนาจสูงสุดของพระผู้เป็นเจ้าปรากฏให้เห็นอย่างกว้างขวางในงานศิลปะยุคเริ่มแรก ของชาวตะวันตก ไม่ปรากฏว่าศิลปะได้แสดงให้เห็นถึงความส� ำคัญของมนุษย์เลย จนกระทั่งต่อมาใน ยุคกรีก ศิลปะจึงได้เริ่มชี้แสดงความส� ำคัญและบทบาทของมนุษย์ จะเห็นได้ว่าเทพเจ้ากรีกนั้นมีลักษณะ คล้ายคลึงกับมนุษย์มาก ในท� ำนองเดียวกัน ศิลปะกรีก ศิลปะโรมัน เป็นศิลปะที่มุ่งแสดงถึงภาพของมนุษย์ที่แข็งแกร่ง มนุษย์กลายเป็นจุดศูนย์กลางของโลก อ็องเดร มาลโร กล่าวว่า “ศิลปะโรมันไม่ใช่ศิลปะที่รวมเอา ศิลปะตั้งแต่ครั้งยุคโรมันไว้ ศิลปะโรมันชี้ให้เห็นว่า รูปแบบที่ไม่เกี่ยวพันกับมนุษย์ทุกรูปแบบ แม้จะมี ความงามล�้ ำ ก็ย่อมไร้ซึ่งความหมาย” ๓ (Ibid: 226) ศิลปะ : ค� ำสัญญาของความยิ่งใหญ่และความเป็นอมตะ ในบทน� ำนวนิยายเรื่อง Le Temps du Mépris อ็องเดร มาลโร ได้กล่าวว่า ความหมายของค� ำว่า “ศิลปะ” ก็คือ ความพยายามที่จะให้มนุษย์ได้ตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของตนเอง นั่นคือความสามารถ ในการสร้างสรรค์งานที่เป็นอมตะและมีเอกภาพ นอกจากนี้ผลงานทางศิลปะไม่ว่าจะเป็นจิตรกรรม หรือประติมากรรมนั้นสามารถสื่อความหมายกับมนุษย์ได้จ� ำนวนมากกว่าผลงานด้านการเขียน นี่เป็น ค� ำตอบของอ็องเดร มาลโรต่อนักข่าวคนหนึ่งที่ยกย่องเขาว่าเป็นผู้มีความยิ่งใหญ่ เพราะเป็นศิลปิน ผู้หนึ่งเช่นเดียวกับจิตรกรหรือประติมากร อ็องเดร มาลโร เขียนยกย่องไว้ใน Les Voix du Silence ว่าผลงานศิลปะเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็น ถึงชัยชนะของมนุษย์ต่อโลก เป็นสิ่งที่ช่วยให้มนุษย์ห่างไกลจากสภาพการเป็นทาส เป็นรูปแบบที่แสดงถึง ความอิ่มเอิบและความสมดุลของมนุษย์ ผลงานชิ้นเอกของศิลปิน นอกจากจะได้แพร่หลายไปกว้างไกล เนื่องด้วยความเจริญทาง ด้านเทคนิคสมัยใหม่แล้วยังอาจจะเป็น “อมตะ” ได้อีกด้วย อ็องเดร มาลโร กล่าวว่า ศิลปะนั้นไม่มีวันตาย เพราะว่าศิลปะอาจถือก� ำเนิดขึ้นอีกได้เสมอ ในรูปแบบใหม่ที่ถูกดัดแปลงไปหรือไม่ก็ด้วยรสนิยมของคนนั้น เปลี่ยนไป กล่าวคือ งานศิลปะแบบหนึ่งอาจจะถูกลืมไปชั่วระยะหนึ่ง แต่ในระยะต่อไปก็อาจจะกลับมาอยู่ ในความนิยมของคนอีกก็ได้ ดังนั้นงานศิลปะจึงเป็น “อมตะ” ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ ๓ “L’art roman, ce n’ est pas l’ ensemble des objets de I’époque romane… il nous montre que les formes étrangères à l’humanisation, quelle que soit parfois leur qualité admirable, y sont stériles.”

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=