สำนักราชบัณฑิตยสภา
283 นิ พนธ์ ทรายเพชร วารสารราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ ๓๗ ฉบับที่ ๔ ต.ค.-ธ.ค. ๒๕๕๕ เป็นไฮโดรเจนซึ่งเป็นธาตุหลักของการก่อก� ำเนิดเป็นดาวฤกษ์ภายในกาแล็กซี กาแล็กซีต่าง ๆ เกิดหลัง บิกแบงประมาณ ๑,๐๐๐–๒,๐๐๐ ล้านปี และเริ่มเคลื่อนที่ห่างออกจากกันท� ำให้เอกภพมีขนาดใหญ่ขึ้น ผู้พิสูจน์ว่าเอกภพขยายตัวคือ เอ็ดวิน พี ฮับเบิล ซึ่งพบว่ากาแล็กซียิ่งอยู่ไกลยิ่งเคลื่อนที่หนีห่างด้วยความเร็ว ที่มากกว่า และนักวิทยาศาสตร์ผู้ค้นพบหลักฐานที่แสดงว่าอุณหภูมิของเอกภพลดลงเป็น ๒.๗๓ เคลวิน คือ อาร์ โน เพนเซียส และ รอเบิร์ต วิลสัน ทั้งการขยายตัวของเอกภพและอุณหภูมิที่ลดต�่ ำลง เป็นข้อสนับสนุนทฤษฎีบิกแบงได้เป็นอย่างดี แต่กาแล็กซีตลอดทั้งสิ่งที่สัมผัสได้ในปัจจุบันมีเพียงร้อยละ ๔ ที่เหลือร้อยละ ๒๒ เป็นสสารมืด และร้อยละ ๗๔ เป็นพลังงานมืด สสารมืดส่วนหนึ่งอยู่บริเวณรอบนอก หรือฮาโลของกาแล็กซีจึงเรียกว่าแมกโฮ (MACHO : Massive Astrophysical Compact Halo Objects) สสารมืดอาจเป็นหลุมด� ำหรือดาวที่ไม่ส่องแสง นอกจากนี้สสารมืดอาจเป็นอนุภาคที่มีมวลมากแต่ ท� ำปฏิกิริยากับสสารอื่นอย่างอ่อน ๆ ดังเช่นนิวทริโนที่ทะลุทะลวงโลกได้ นักดาราศาสตร์เรียกสสารมืด ที่เป็นอนุภาคมวลมากนี้ว่า วิมพ์ (WIMP : Weakly Interactive Massive Particles) พลังงานมืด เป็นพลังผลักที่ท� ำให้เอกภพขยายตัวจึงเป็นแรงต้านแรงโน้มถ่วง เอกภพยิ่งขยาย ตัวยิ่งมีพลังงานมืดมาก การค้นพบว่าเอกภพขยายตัวด้วยความเร่ง ท� ำให้เกิดที่ว่างมากขึ้นอย่างมหาศาล ในเอกภพ นักวิทยาศาสตร์ก� ำลังแสวงหาค� ำตอบว่า สสารมืดและพลังงานมืดเป็นอะไรโดยอาศัยเทคโนโลยี อวกาศ ปัจจุบันนักดาราศาสตร์รู้จักสสารในเอกภพเพียงร้อยละ ๔ ส่วนที่เหลือยังไม่รู้จักจึงเรียกว่า สสารมืดและพลังงานมืด นี่คือปัญหาของเอกภพในเวลานี้ แต่ปัญหาเรื่องนี้ไม่น่ากระทบกระเทือนเกี่ยวกับความสวยงาม ความมีเสน่ห์ของทองฟ้ายามค�่ ำคืน การคุ้นเคยกับดวงดาวบนท้องฟ้ายังมีประโยชน์ทุกยุคทุกสมัย จึงหวังว่าการดูดาวให้เป็นจะน� ำความสุข มาสู่ท่านบ้าง
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=