ปีที่ ๓๘ ฉบับที่ ๒ เมษายน-มิถุนายน ๒๕๕๖

The Journal of the Royal Institute of Thailand Vol. 38 No. 2 April-June 2013 190 การขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู สถานศึกษา : ป ญหาและแนวทางแก ป ญหาในการจัดการเรียนรู ( ๑ ) วิธีสอนแบบนิรนัย (deductive method) คือ การสอนจากหลักการไปสู ตัวอย างย อย ๆ โดยครูให ความรู ความเข าใจในสาระที่ต องการให ผู เรียนได เรียนรู ซึ่งอาจเป นทฤษฎี หลักการ กฎ ข อสรุป ข อความรู ฯลฯ ด วยวิธีการต าง ๆ ตามความเหมาะสม แล วจึงให ตัวอย างหลาย ๆ ตัวอย างในการ นําทฤษฎี หลักการ กฎ ฯลฯ เหล านั้นไปใช แล วจึงฝ กให ผู เรียนนําทฤษฎี หลักการ กฎ เหล านั้นไปใช ในสถานการณ ใหม ๆ ที่แตกต างกันออกไป จนผู เรียนเกิดความเข าใจอย างลึกซึ้งในเรื่องนั้น จะเห็นได ว า วิธีการนี้มีลักษณะที่ช วยให ผู เรียนเกิดการเรียนรู ตามที่ต องการได แต ในสภาพความเป นจริง ครูมัก ดําเนินการสอนในส วนแรก คือ การให ความรู เกี่ยวกับหลักการ โดยอาจมีตัวอย างให เพียงเล็กน อย หรือไม มีเลย และอาจมีการบ านให ผู เรียนทําเป นการฝ กบ างเล็กน อย หรือไม มีเลย ที่เป นเช นนี้ ก็เนื่องมาจากครูมักประสบป ญหาในเรื่องการหาและจัดเตรียมตัวอย างที่หลากหลายมาให ผู เรียนฝ ก และมีเวลาจํากัดในการฝ ก เมื่อกระบวนการสอนไม สมบูรณ ตามวิธีสอนที่ใช ผู เรียนได รับการฝ กน อย ผลที่ได ก็น อยตามไปด วย ( ๒ ) วิธีสอนแบบอุปนัย (inductive method) แม ว าวิธีสอนแบบนิรนัยจะช วยให ผู เรียน เกิดการเรียนรู ได แต ก็ยังมีวิธีที่ให ผลมากกว า ดีกว า ( ถ าจัดการเรียนการสอนได ดี ) วิธีสอนแบบอุปนัย เป นวิธีที่นอกจากจะช วยให ผู เรียนเกิดการเรียนรู มโนทัศน ได ดีแล ว ยังช วยให ผู เรียนได พัฒนาทักษะ การคิดขั้นสูง (higher order thinking skills) ซึ่งเป นทักษะทางป ญญาที่ผู เรียนสามารถนําไป ใช ประโยชน ได ตลอดชีวิต กระบวนการสอนตามวิธีนี้ มีลักษณะตรงกันข ามกับวิธีสอนแบบนิรนัย กล าวคือ แทนที่จะเป นการสอนจากหลักการไปหาตัวอย าง กลับเป นการสอนจากตัวอย างไปหาหลักการ โดยครู จัดเตรียมตัวอย างที่หลากหลายจํานวนมาก ( ซึ่งอาจเป นสถานการณ เหตุการณ ปรากฏการณ ความคิด ข อมูล ฯลฯ ) ที่มีหลักการหรือแนวคิดที่ต องการสอนแฝงอยู ให ผู เรียนได ศึกษา วิเคราะห จนสามารถ จับหลักการ แนวคิดที่ต องการสอนได และสามารถสรุปได ด วยตนเอง ต อจากนั้นจึงเสริมด วยการฝ กนําไปใช ในสถานการณ อื่น ๆ การเรียนรู ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการดังกล าวสามารถช วยให ผู เรียนเกิดมโนทัศน / ความคิดรวบยอดด วยตัวเอง จึงเป นความเข าใจที่ลึกซึ้งขึ้น และมีความหมายต อผู เรียนมากขึ้น วิธีนี้ จึงเป นวิธีที่ครูควรเลือกใช เพราะมีความเหมาะสมและให ผลดีกว าวิธีอื่น ๆ อีกหลายวิธี แต ในสภาพ ความเป นจริงแล ว ครูใช วิธีสอนนี้น อยมาก เนื่องจากเหตุหลายประการ เช น ครูเคยชินอยู กับการใช วิธีสอนที่ตนถนัด ขาดประสบการณ และการฝ กฝนในการใช วิธีสอนที่หลากหลาย การสอนด วยวิธีที่ยัง ไม ค อยเข าใจหรือเคยทํามาก อน นอกจากจะเกิดความไม มั่นใจแล ว ยังต องมีการเตรียมการมากขึ้นกว า ปรกติด วย รวมทั้งอาจต องใช เวลาในการสอนมากขึ้น ด วยเหตุนี้จึงพบว าครูใช วิธีสอนนี้น อย ทั้ง ๆ ที่เป นวิธี ที่ดี แม ว าในความเป นจริงยังมีครูที่พร อมจะฝ กฝนพัฒนาตนเองในเรื่องนี้ แต เมื่อวางแผนและดําเนินการ 172-204 Mac9.indd 190 10/8/13 7:27 PM

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=