ปีที่ ๓๘ ฉบับที่ ๒ เมษายน-มิถุนายน ๒๕๕๖

The Journal of the Royal Institute of Thailand Vol. 38 No. 2 April-June 2013 148 กาลเวลา – นักฆ าผู ยิ่งใหญ : ใครเล าสามารถฆ ากาลเวลาได และอธิบายว า ธรรมดังกล าว คือ มรรคผลนิพพาน ซึ่งก็หมายความว า การบรรลุหรือการเกิดของ มรรคผลนิพพานในจิตของผู เข าถึงความจริงไม ถูกจํากัดด วยกาลเวลาคือ เช าสายบ ายเย็น กลางวัน หรือกลางคืน ทั้งหมดสามารถเกิดขึ้นเวลาใดก็ได กาลเวลาเหล านี้ไม มีอิทธิพลมาตีกรอบการ เกิดของธรรมดังกล าว หากองค ประกอบที่สนับสนุนการบรรลุพร อมเมื่อใด การบรรลุธรรมดังกล าว ก็เกิดได เมื่อนั้น หรือหากจะกล าวว ากาลเวลามามีส วนสัมพันธ ก็สัมพันธ อยู กับตอนที่สั่งสมบ มเพาะ องค ประกอบเหล านั้นก อนที่จะบรรลุอย างที่เรียกว าบําเพ็ญบารมีเท านั้น ซึ่งอาจจะกินเวลาเป นกัป หรือเป นอสงไขยกัป แต เมื่อถึงขั้นของการบรรลุแล ว กาลเวลาก็ไม สามารถมามีอิทธิพลได อนึ่ง ยังมีกล าวถึงนิพพานว าเป น กาลวิมุต แปลว า พ นจากกาลเวลา ซึ่งก็หมายความว า สภาวะของ นิพพานเองไม เกี่ยวข องกับกาลเวลาในด านต าง ๆ ไม มีขณะวินาที นาทีที่ดําเนินต อไปเป นชั่วโมง วันเดือนป ในสภาวะนั้นไม มีสิ่งที่ถูกป จจัยปรุงแต งเกิดปรากฏ จึงไม มีเกิดแก เจ็บตาย ท ายสุดก็คือ ไม มีอะไรนอกจากความว างเปล า และผู ที่บรรลุมรรคผลนิพพานนี้แหละที่จัดเป นผู กินกาลเวลา แต ถ ายังบรรลุไม ได ก็จะถูกกาลเวลาฆ ารํ่าไปไม สิ้นสุด เพราะกาลเวลาคือนักฆ าผู ยิ่งใหญ อย างที่กล าว มาแล ว ผู เขียนเชื่อว า แม เราจะต องยอมจํานนกับกาลเวลามาตลอด แต ก็คงมีหลายท านที่ต องการ ชนะกาลเวลา จริงอยู ทางกายภาพเราเอาชนะไม ได เพราะธาตุ ๔ ที่มาประกอบเป นร างกายของเรา ถูกกาลเวลากําหนดให มีอายุจํากัด แต เราสามารถเอาชนะทางใจได โดยฝ กใจให เกิดมรรคผลตามทาง แห งอริยมรรคมีองค ๘ และสัมมาสติเป นมรรคสําคัญข อหนึ่งสําหรับการเริ่มต นจะกินหรือเอาชนะ กาลเวลา เมื่อสติจับขณะป จจุบันจนกระทั่งเกิดป ญญาละกิเลสได ก็จะมีแต ขณะป จจุบันให เราใช ชีวิตอยู ชีวิตเรามีแต รู ทันป จจุบัน อันเป นการรู ทันที่ครอบคลุมทั้งอดีต อนาคต โดยไม ต องโหยหาอดีต ไม ต อง ไขว คว าอนาคต เพราะไม มีกิเลสเข าปรุงแต ง อย างที่พระพุทธเจ าตรัสไว ว า ผู ปฏิบัติตามดูกาย ... เวทนา ... จิต ... ธรรม อย างมีสติ มีสัมปชัญญะ มีความเพียรเผากิเลสจนกระทั่งละความยินดียินร าย ในโลกได ๓๐ และว า ผู ปฏิบัติตามดูกาย ... เวทนา ... จิต ... ธรรม ทั้งภายในตนและนอกตน ( ของตัวเองและ ของคนอื่น ) จนเห็นทันความเกิดดับ มีสติ ( รู ทันขณะป จจุบัน ) ตั้งมั่นว า กาย ... เวทนา ... จิต ... ธรรม มีอยู แต ก็ตั้งมั่นเพียงเพื่อรู เพื่อระลึกทันเขาอยู โดยไม ให ตัณหา ( ความอยาก ) และทิฏฐิ ( ความเห็นผิด ) อาศัยและไม ยึดมั่นอะไร ๆ ในโลก ๓๑ นี้แหละคือวิธีฆ ากาลเวลา ส วนท านผู บรรลุมรรคผลนิพพานตามวิธีนี้แหละคือผู ฆ ากาลเวลา . ๓๐ ที . มหา . ๑๐ / ๑๘๓ - ๓๘๓ / ๒๔๘ - ๒๕๘ . ๓๑ อ างแล ว . 134-151 Mac9.indd 148 10/8/13 7:23 PM

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=