สำนักงานราชบัณฑิตยสภา
วั นเดื อนปีที่ สุนทรภู่แต่งงานค�ำกลอนห้าเรื่ อง ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๘๔-๒๓๘๕ 106 The Journal of the Royal Institute of Thailand Vol. 39 No. 2 April-June 2014 แต่นิ่งนึกตรึกไตรมิใคร่หลับ ให้กระสับกระส่ายจิตกนิษฐา ทั้งโฉมยงค์องค์อรุณขุ่นวิญญาณ์ ด้วยตรึกตราโกรธพระพี่ว่ามีเมีย จะเสกสองครองคู่ดูเป็นน้อย ต้องต�่ ำต้อยเต็มอายสู้ตายเสีย คะนึงนอนร้อนฤทัยดังไฟเลีย น�้ ำตาเรี่ยรดแขนแน่นอุรา” “วิบากกรรมจ� ำจนให้อ้นอั้น สุดจะผันสุดจะแปรสุดแก้ไข สุดจะอายขายหน้าพวกข้าไท น่าน้อยใจใจเอ๋ยไม่เคยคิด จะใคร่ล้วงดวงใจออกให้เห็น ว่ามันเป็นอย่างไรหนอในจิต จึงริรักมักง่ายให้ชายชิด ช่างไม่คิดเกรงกลัวมืดมัวเมา” “อยู่วันหนึ่งจึงองค์นางนงลักษณ์ คิดอายพักตร์พวกทมิฬสิ้นทั้งหลาย แม้มีผู้รู้แจ้งมาแพร่งพราย ทั้งระคายคิดถึงองค์จะทรงครรภ์” “เสร็จธุระจะได้ไปเสียให้ลับ จึงสึกกลับแปลงนามให้ความหาย อยู่ที่นี่มีผู้รู้ระคาย จะได้อายอัประมาณร� ำคาญใจฯ” จากเนื้อหาค� ำกลอนในตอนที่ ๔๕ หน้า ๙๐๒, ๙๑๐ ประมาณได้ว่าตั้งแต่ราวเดือน ๑๒ ของปี เดียวกัน สุนทรภู่จึงถูกให้หลบไปทางบกด้วยม้า ผ่านนครปฐม ไปเพชรบุรี ลังกาหรือสิงหลตามในนิทาน ขณะที่พระปฐมเจดีย์ก� ำลังมีงานในวันเพ็ญ เดือน ๑๒ (สังเกตมีค� ำกลอนที่ตรงกัน อยู่ใน “นิราศพระประธม” ที่จะกล่าวต่อไป) ส่วนค� ำกลอนในนิทานพระอภัยมณีหน้าดังกล่าวนั้น คือ “ถึงสระศรีสี่เหลี่ยมต่างเยี่ยมหยุด ชมปลาผุดเห็นตัวทั้งบัวหลวง บ้างแตกขาวง่าวงอกเป็นดอกดวง เกสรร่วงโรยรายขจายจร ปลาเงินทองล่องลอยขึ้นคอยคาบ กลีบอังกาบโกมินทร์กินเกสร ดอกบัวเผื่อนเหมือนจีบเป็นกลีบซ้อน บานสลอนแลขาวดังดาวราย ที่ร่มรอบขอบสระรุกขชาติ แปลกประหลาดหลายหลากดูมากหลาย มีที่แท่นแผ่นผาศิลาลาย เก้าอี้รายส� ำหรับชมทุกร่มไม้ บ้างก็หยุดบ้างก็เดินเพลินประพาส รุกขชาติช่อดอกออกไสว มะเดื่อดูกลูกเหลืองมะเฟืองมะไฟ นางสาวใช้ชิงกันเก็บเสียเล็บเยินฯ” “พระน้องจงทรงรถใต้ร่มฝน พาไพร่พลเดินทางหว่างสิงขร แล้วพระองค์ทรงพระยาม้ามังกร อัสดรโดดร้องก้องโกลา ขับม้าลัดตัดทุ่งกรุงสิงหล บัดเดี๋ยวดลทางเดินขึ้นเนินผา อุตส่าห์ตามยามสองทันน้องยา เทียบขึ้นหน้ารถนางเหมือนอย่างเคย”
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=