สำนักงานราชบัณฑิตยสภา
103 ทศพร วงศ์รั ตน์ วารสารราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ ๓๙ ฉบับที่ ๒ เม.ย.-มิ.ย. ๒๕๕๗ ตีนสิงขรล่อนโล่นพลุ่งโพลงพลาม ยาวสักสามสิบเส้นล้วนเป็นไฟ จึงดูแดนแผนที่มีหนังสือ ว่าเกาะชื่อชุมเพลิงเชิงไศล มีเรื่องราวกล่าวแถลงให้แจ้งใจ ว่าเกาะใหญ่พระยานาคมีมากมาย ขึ้นพ่นพิษฤทธิ์เริงดังเพลิงพลุ่ง เป็นควันฟุ้งฟ้าดินสิ้นทั้งหลาย ถูกเทวดาสารพัดสิงสัตว์ตาย พระนารายณ์รู้เรื่องเปลื้องอาดูร มาปิดปล่องช่องชะวากที่นาคผุด ถอนพิษภุชงค์ร้ายให้หายสูญ เหลือเปลวปล่งตรงปล่องเหมือนกองกูณฑ์ เป็นไฟฟูนสักเท่าเขาคิรินฯ” “สมาทานถือศีลครองอินทรีย์ เป็นฤๅษีทรงพรตดูงดงาม เปลี่ยนชื่อพระอัคนีมีสง่า น� ำพวกข้าโดยเสด็จไม่เข็ดขาม ทั้งหญิงชายแปลงกายเป็นชีพราหมณ์ ต่างเปลี่ยนนามบวชทั่วตัวที่มี ให้บอกกล่าวว่าเราชาวกบิลพัสดุ์ เที่ยวโปรดสัตว์ตามจริตกิจฤๅษี” “แล้วสั่งให้นายท้ายบ่ายเภตรา เข้าอ่าววาหุโลมแล่นดูแดนไตร เห็นปากน�้ ำท� ำป้อมคร่อมภูเขา จ� ำเพาะเข้าออกเดินเนินไศล แลพิลึกตึกกว้านส� ำราญใจ เข้าจอดใกล้เมืองด่านชานบุรี สังเกตดูผู้คนบนตลิ่ง ทั้งชายหญิงโพกผมนุ่งห่มสี ส่วนเครื่องขาวเจ้านายฝ่ายผู้ดี พวกเสนีทุกต� ำแหน่งแต่งทั้งนั้น แต่ไพร่นายฝ่ายทหารชาญก� ำแหง ใส่เสื้อแสงสีด� ำล้วนล�่ ำสัน ด้วยห้ามปรามตามแผนกให้แปลกกัน สีหมอกนั้นเป็นของคนพลเรือน ล้วนเสื้อกลีบจีบนุ่งคาดพุงทับ ไม่สลับสีไหนก็ให้เหมือน” “ถือดาบแดงแซงสลอนนครบาล เอานายด่านปากน�้ ำมาจ� ำจอง” “จะกลับกล่าวชาวบ้านด่านสมุทร เป็นที่สุดนับถือพระฤๅษี นางโฉมยงนงลักษณ์อัคนี ขึ้นอยู่ที่ป้อมปืนทุกคืนวัน” “พวกปากน�้ ำน� ำหน้าโยธาหาญ โห่สะท้านสะเทื้อนลั่นเสียงหวั่นไหว” “พวกโยธีรี้พลหลีกลนลาน เห็นนายด่านปากน�้ ำด่าส� ำทับ” “จะล่วงเข้าอ่าวสินธุ์ถิ่นนาคา เห็นภูผาวุ้งเวิ้งเชิงคิริน ดูโพลงพลุ่งรุ่งโรจน์โชติสว่าง อยู่ท่ามกลางเกลียวมหาชลาสินธุ์ จะแลซ้ายฝ่ายขวาล้วนนาคิน ขึ้นไล่กินกุ้งปลาในสาชล” “พอแลเห็นเป็นชะวากที่ปากอ่าว ที่เกาะยาวใหญ่ขวางอยู่ข้างหน้า ควันโขมงสงสัยในวิญญาณ์ จึงขับม้าขึ้นละเมาะเกาะค้างคาว”
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=