สำนักงานราชบัณฑิตยสภา
ทศพร วงศ์รัตน์ 173 วารสารราชบัณฑิตยสภา ปีที่ ๔๐ ฉบับที่ ๑ ม.ค.-มี.ค. ๒๕๕๘ นางสุลาลีวันซึ่งตามนิทานเป็นพี่น้องคู่กันกับนางยุพาผกา สุนทรภู่แต่งให้เป็นภาพของน้อง คือฉิมและนิ่ม ลูกสาวของมารดาที่เกิดกับสามีใหม่ (ดู ค� ำอธิบายในหมายเลข ๒๔) ในราวปีฉลู พ.ศ. ๒๓๖๐ และปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๖๒ ตามล� ำดับ (“ข้าสิบสี่ปีปลายข้างฝ่ายน้อง ได้สิบสองปีเศษสังเกตใจ” จาก นิทาน พระอภัยมณี ตอนที่ ๓๑ หน้า ๕๕๓ ซึ่งแต่งในราวเดือนมกราคม ปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๗๔) ส่วนสุดสาครก็คือ หนูตาบ ลูกชายของสุนทรภู่กับนางนิ่ม คือ “พระมารดา” ซึ่งถึงแก่กรรมแล้ว ตามนิทานตอนนี้ น่าจะเป็น เรื่องจริงที่หนูตาบเคยถูกมั่นหมายไว้กับนิ่มน้องสาวของฉิม (เพราะถึงตอนที่ ๔๗ หน้า ๙๔๒, ๙๔๓, ๙๔๕, ๙๕๕, ๙๕๖, ๙๕๙ ซึ่งตรงกับเดือน ๖ ปีขาล พ.ศ. ๒๓๘๕ ทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกันเป็นงานใหญ่ ที่เมืองการะ เวก หรือวังหน้า ตอนสุนทรภู่เดินทางหลบหน้าอยู่ในสุพรรณบุรี แต่ก็คงจะได้เดินทางกลับมาร่วมงาน ตาม ค� ำกลอนในหน้า ๙๕๕ ว่า “พรุ่งนี้วันเดือนหกจะยกพล ไปพาราการะเวกเสกโอรส” ขณะนั้นหนูตาบมีอายุได้ ๑๘ ปี) บัวในที่นี้เป็นส� ำนวนบัวบังใบ ซึ่งหมายถึงการเห็นร� ำไร หรือยังหมายถึงผิวพรรณของนางสุลาลีวัน ส่วนที่เป็นหน้านั้นขาวนวล สุนทรภู่แต่งค� ำกลอนตอนที่ ๔๐ นี้ หลังการหย่าร้างกับนางม่วงในราวปลายปีมะแม พ.ศ. ๒๓๗๘ หรือไม่เกินต้นปีวอก พ.ศ. ๒๓๗๙ โดยมีกล่าวมาก่อนอยู่ในตอนที่ ๓๙ หน้า ๗๕๙-๗๖๐ และในเค้าของการ เดินทางไปแต่ง “นิราศพระแท่นดงรัง” เกี่ยวกับนางม่วง หรือ “แต่งสารสังวาสนิราศเรื่อง” ในเดือน ๔ ปี วอก พ.ศ. ๒๓๗๙ ดังได้กล่าวอยู่ในตอนเดียวกัน หน้า ๗๗๖ นิราศเรื่องนี้โดยกาละและเทศะที่ตรงกับใน นิทาน “พระอภัยมณีค� ำกลอน” จึงช่วยตัดสินได้อีกว่า สุนทรภู่ขณะเป็นฆราวาสเป็นผู้แต่ง มิใช่นายมี หมื่น พรหมสมพัตสร แต่อย่างใด ๒๒. “แม่จะได้ไปด้วยจะช่วยแนะ อย่าเก็บแกะเพชรออกอยู่นอกหิน อันเพชรดีมีอยู่คู่แผ่นดิน เป็นมวกหินหุ้มพอกดังดอกบัว” “ถึงสระศรีสี่เหลี่ยมต่างเยี่ยมหยุด ชมปลาผุดเห็นตัวทั้งบัวหลวง บ้างแตกขาวง่าวงอกเป็นดอกดวง เกสรร่วงโรยรายขจายจร ปลาเงินทองล่องลอยขึ้นคอยคาบ กลีบอังกาบโกมินทร์กินเกสร ดอกบัวเผื่อนเหมือนจีบเป็นกลีบซ้อน บานสลอนแลขาวดังดาวราย ที่ร่มรอบขอบสระรุกขชาติ แปลกประหลาดหลากหลากดูมากหลาย มีที่แท่นแผ่นผาศิลาลาย เก้าอี้รายส� ำหรับชมทุกร่มไม้ บ้างก็หยุดบ้างก็เดินเพลินประพาส รุกขชาติช่อดอกออกไสว” “เอาเพชรดีสีออกเหมือนหมอกมัว เท่าดอกบัวอยู่บนโขดเป็นโคตรเพชร” (จาก “พระอภัยมณีค� ำกลอน” ตอนที่ ๔๕ นางละเวงพากษัตริย์ทั้งหลายไปชมสวน หน้า ๙๐๑, ๙๐๒, ๙๑๓)
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=