สำนักงานราชบัณฑิตยสภา

ทศพร วงศ์รัตน์ 165 วารสารราชบัณฑิตยสภา ปีที่ ๔๐ ฉบับที่ ๑ ม.ค.-มี.ค. ๒๕๕๘ ต่อไปนี้ เป็นหลักฐานจาก “พระอภัยมณีค� ำกลอน” ตัวเลขเป็นล� ำดับงานที่ยกมากล่าวถึง ต่อจากข้างต้นที่พบในงานค� ำกลอนอื่น ๆ ของสุนทรภู่ ๑๔. “แต่ปางหลังยังมีกรุงกษัตริย์ สมมุติวงศ์ทรงนามท้าวสุทัศน์ ผ่านสมบัติรัตนานามธานี อันกรุงไกรใหญ่ยาวสิบเก้าโยชน์ ภูเขาโขดเป็นก� ำแพงบูรีศรี สะพรึบพร้อมไพร่ฟ้าประชาชี ชาวบุรีหรรษาสถาวร มีเอกองค์นงลักษณ์อัครราช พระนางนาฏนามปทุมเกสร สนมนางแสนสุรางคนิกร ดังกินนรน่ารักลักขณา” (จาก “พระอภัยมณีค� ำกลอน”ตอนที่ ๑ พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา หน้า ๑) ดูเหมือนเรื่องราวตอนขับนางอ� ำพัน ของเรื่อง “โคบุตร” ที่สุนทรภู่แต่งใน พ.ศ. ๒๓๔๙-๒๓๕๐ และตอนลักษณวงศ์เยี่ยมศพ ซึ่งเป็นตอนใกล้จบของเรื่อง “ลักษณวงศ์” ที่สุนทรภู่แต่งใน พ.ศ. ๒๓๖๓- ๒๓๖๖ จะมาต่อด้วย “พระอภัยมณีค� ำกลอน” ตอนที่ ๙ ก� ำเนิดสินสมุทร เป็นเรื่องย้อนเหตุการณ์ โดยที่ นิทานอมตะของสุนทรภู่เรื่องนี้ เริ่มในตอนที่ ๑ ด้วย ท้าวสุทัศน์ในภาพของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศ หล้านภาลัย (และบิดาของสุนทรภู่) กษัตริย์ผู้สร้างวัดสุทัศน์ ต่อจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬา โลกมหาราช สุนทรภู่เทิดทูนพระองค์ในฐานะที่ทรงจุดประกายชีวิตให้ตน ต่อจากสมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมพระราชวังบวรสถานพิมุข หรือพระยาสุริยอภัย ในครั้งเป็นผู้ส� ำเร็จราชการเมืองนครราชสีมา โดยที่สุนทรภู่ก็คิดที่จะเทิดพระเกียรติพระองค์ไปพร้อมกัน ดังนั้น ชื่อ “อภัย” หรือ “พระอภัยมณี” จึงถูกเลือกให้เป็นตัวเอกคู่กับศรีสุวรรณ โอรสท้าวสุทัศน์และนางปทุมเกสร ของนิทานเรื่องนี้ (ดู ค� ำอธิบาย ในหมายเลข ๒ และ ดู ค� ำกลอนหมายเลข ๑, ๖) จากความคิดโดยรวมด้วยประสบการณ์การค้นคว้าของผู้เขียน ก่อนมาเรียบเรียงบทความเรื่องนี้ ว่า นางปทุมเกสรน่าจะมาจากชื่อ บัว มารดาของสุนทรภู่เอง ท� ำนองเดียวกับตัวละครต่อ ๆ มา ซึ่งก็เป็น เค้าของบุคคลจริงตลอดนิทานเรื่องนี้ หรือเมืองรัตนา ก็คือ กรุงรัตนโกสินทร์ โดยนัย คือ วังหลวง ส่วน เมืองรมจักร คือ วังหลัง โดยนัยของสุนทรภู่ คือ ตัวแทนของราชวงศ์จักรี เพราะราชสกุลวังหลังถือก� ำเนิด มาจากสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอพระองค์ใหญ่ เจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี ผู้ปฏิสังขรณ์วัดชีปะขาว (วัดศรีสุดาราม) ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ซึ่งเป็นพระปฐมวงศ์แห่ง พระบรมราชจักรีวงศ์ ส� ำหรับพระสุริโยไทย และนางจันทรวดี แห่งเมืองการะเวก ก็คือพระองค์เจ้าชาย อรุโณทัย หรือต่อมา คือ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ และพระองค์เจ้าดาราวดี พระอัครชายา แห่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ซึ่งมีรูปปั้นนกการเวกหรือการวิก ขนาดเทียมคน ๔ ตัว ตั้งอยู่หน้าโคนเสาบริเวณพาไลของพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ซึ่งเดิมมีชื่อว่า พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ สร้างในครั้ง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช แล้วปฏิสังขรณ์โดยกรมพระราชวังบวรสถานมงคล พระองค์นี้ และเสด็จจากวังหน้าพระลาน วังกลาง ไปประทับที่วังหน้า ในต้นปีชวด พ.ศ. ๒๓๗๑

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=