สำนักงานราชบัณฑิตยสภา
มารดาของสุนทรภู่ชื่อบัว 164 The Journal of the Royal Society of Thailand Volume 40 Number 1 January-March 2015 คงจะด้วยสภาพของเรื่องที่แต่งในท้ายชีวิตหลังมารดาเสียชีวิต หรือบริบทของเนื้อหา ใน“ร� ำพัน พิลาป” รวมทั้ง “บทละครเรื่องอภัยนุราช” จึงไม่มีการกล่าวถึง บัว ซึ่งเป็นชื่อมารดา ท� ำนองเดียวกับ “สวัสดิรักษาค� ำกลอน” งานใน พ.ศ. ๒๓๖๔-๒๓๖๖ ที่แต่งถวายเจ้าฟ้าอาภรณ์ “เพลงยาวถวายโอวาท” งานใน พ.ศ. ๒๓๗๓ ที่แต่งถวายเจ้าฟ้ากลางและเจ้าฟ้าปิ๋ว และ “สุภาษิตสอนสตรี” งานใน พ.ศ. ๒๓๘๐- ๒๓๘๓ ระหว่างสึกจากพระ ตั้งแต่ปีมะแม พ.ศ. ๒๓๗๘ หลังการสิ้นพระชนม์ของพระองค์เจ้าลักขณา นุคุณ เหมือนท้าทาย หรือต้องการประชันกับ “โคลงโลกนิติ” พระนิพนธ์จารึกที่วัดพระเชตุพน ของสมเด็จ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร โดยพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ๑๓. “ริมล� ำคลองท้องทุ่งดูวุ้งเวิ้ง ด้วยน�้ ำเจิ่งจอกผักขึ้นหนักหนา ดอกบัวเผื่อนเกลื่อนกลาดดาษดา สันตะวาสายติ่งต้นลินจง” “ทั้งสระมีสี่มุมปทุมชาติ ระดะดาษดอกดวงบัวหลวงสลอน บ้างร่วงโรยโปรยปรายกระจายจร หอมเกสรเสาวคนธ์ที่หล่นลอย มีเต่าปลาอาศัยอยู่ในน�้ ำ บ้างผุดด� ำโดดคะนองพ่นฟองฝอย ฝูงกริมกรายรายเรียงขึ้นเคียงคอย จะคาบสร้อยเสาวคนธ์ว่ายวนเวียน เหมือนด้วยรักหนักหน่วงไม่ร่วงหล่น ให้เวียนวนหวั่นจิตตะขวิดตะเขวียน แสนสนุกรุกขชาติดาษเดียร เที่ยวเดินเวียนวนชมประธมทองฯ” (จาก “นิราศพระประธม” พ.ศ. ๒๓๘๕) งานนิราศเรื่องนี้ โดยกาละและเทศะ หรือเวลาของการแต่ง ในเดือน ๑๒ ปีขาล พ.ศ. ๒๓๘๕ ซึ่ง เป็นช่วงหลังการถึงแก่กรรมของมารดาของสุนทรภู่ ในเดือนยี่หรือเดือนมกราคม ปีฉลู พ.ศ. ๒๓๘๔ แล้วได้ ประมาณ ๑๐ เดือน การกล่าวถึงบัวโดยนัยถึงมารดาบ่อยขึ้น จนถึงระยะนี้ น่าจะใช้ช่วยสรุปได้ว่า มารดา ของสุนทรภู่ชื่อ บัว โดยยังสังเกตจากการที่ครั้งนี้ สุนทรภู่กล่าวถึงดอกบัวที่พบในแหล่งน�้ ำธรรมชาติตาม ปรกติ แล้วก็เป็นดอกบัวหลวงในสระที่บริเวณพระประธม (ต่างกับพระประโทน ที่สุนทรภู่ก็รู้จัก และได้ กล่าวไว้ต่อมา ว่า “จึงให้คนก่อสร้างพระปรางค์ประโทน” เช่นเดียวกับใน “นิราศพระแท่นดงรัง” ส� ำนวนปี วอก พ.ศ. ๒๓๗๙ ก็มีกล่าวไว้ ว่า “ถึงพระโทนธารามพราหมณ์เขาสร้าง” ต่างกับเมื่อ “บรรลุถึงพระประทม ประทับหยุด”) ด้วยค� ำที่ไม่เคยใช้มาก่อนอย่างเพราะพริ้ง ท� ำนองเดียวกับใน “พระอภัยมณีค� ำกลอน” ตอน ที่ ๔๕ ซึ่งแต่งในเค้าของการถูกก� ำหนดให้เดินทางบกไปหลบอยู่ที่เพชรบุรี ในเดือน ๑๒ ปีฉลู พ.ศ. ๒๓๘๔ แล้วผ่านพระประธม ซึ่งเคยแต่งไว้ว่า “เกสรร่วงโรยรายขจายจร” ส่วนครั้งนี้ คือ “บ้างร่วงโรยโปรยปราย กระจายจร หอมเกสรเสาวคนธ์ที่หล่นลอย” จึงต้องหมายถึงชีวิตของมารดาของตนที่ถึงแก่กรรม หรือร่วง โรยไปแล้วนั่นเอง (ดู ค� ำอธิบายในหมายเลข ๑๑, ๒๒, ๒๓ และ ดู ค� ำกลอนหมายเลข ๙, ๑๑-๑๒, ๒๒-๒๓, ๒๖-๒๘, ๓๐)
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=