สำนักงานราชบัณฑิตยสภา
ทศพร วงศ์รัตน์ 163 วารสารราชบัณฑิตยสภา ปีที่ ๔๐ ฉบับที่ ๑ ม.ค.-มี.ค. ๒๕๕๘ ยิ่งชัดเจนขึ้นอีก เพราะเป็นการเสริมกับหลักฐานใน “พระอภัยมณีค� ำกลอน” ตอนที่ ๔๖ พระอภัยมณีกลับเมือง หน้า ๙๒๒, ๙๒๖ ซึ่งจะได้กล่าวต่อไป และ “ร� ำพันพิลาป” ที่สุนทรภู่กล่าวถึง “เดือนยี่” ปีฉลู พ.ศ. ๒๓๘๔ โดยสืบได้ว่า เป็นเค้าการถึงแก่กรรมของมารดา สุนทรภู่ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่เพชรบุรี และ ได้แต่ง “กาพย์พระไชยสุริยา”แล้ว จึงเดินทางกลับมาเอาศพมารดาไปไว้ที่วัดสระเกศ จนถึงเดือน ๓ ปี เดียวกัน ก็ได้ถูกก� ำหนดให้ออกเดินทางต่อไปสุพรรณบุรี เพราะยังอยู่ระหว่างคดีกับกรมหมื่นอัปษรสุดาเทพ จึงได้แต่งไว้ดังกล่าว (ดู ค� ำกลอนหมายเลข ๑๒-๑๓, ๒๒-๒๓, ๒๗-๒๘) ขณะเมื่อเดินทางถึงบางบัว ตอนปลายปีฉลู พ.ศ. ๒๓๘๔ เพราะชื่อนี้ท� ำให้นึกไปถึงชื่อมารดา ก่อนว่า เป็นชื่อที่ “พร้อง” กันกับชื่อบ้าน ขณะที่ค� ำว่า “บาง” ก็ท� ำให้นึกถึงหม่อมบาง พระอัครชายาของ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว คือพระนามของมารดาของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ และพระองค์เจ้า ลักขณานุคุณ ที่ตนไปเกี่ยวข้องจนมีเคราะห์ ทั้ง “บาง” และ “บัว” ในขณะนั้น จึงต่างก็เป็นนามของมารดา โดยนัยของสุนทรภู่ และต่อมาก็เป็นสาวลาวที่ชื่อ “บัวค� ำ” (คงจะมิใช่เป็นนัยถึง “บัวทอง” หรือ “บัวทอง ของน้องแก้ว” ดังกล่าวอยู่ใน “นิราศพระแท่นดงรัง” ส� ำนวนปีวอก พ.ศ. ๒๓๗๙ และนิทานพระอภัย มณี ตอนที่ ๒๕, ๓๖) ที่แยกกล่าวว่า เคยเป็น “คู่พร้อง” กับชื่อมารดาของตน ที่เปรียบเหมือนข้าวเหนียว เทียบกับข้าวเจ้า คือหม่อมบาง อนึ่ง คงจะเพราะมีผู้ก� ำหนดให้ต้องแต่งเป็นบันทึกถึงเหตุการณ์ในแต่ละวัน เวลาที่ผ่านไปเหมือนรายงาน (โคลงที่ ๒๗๔-๒๗๕) ขณะอยู่ในสุพรรณบุรี การแต่งเป็นโคลง ๔ สุภาพ จึงน่าจะเป็นทางเลือกของสุนทรภู่ ที่สามารถเล่าได้เป็นฉาก ๆ ไม่ต้องเป็นเรื่องต่อเนื่องกัน แต่ละฉาก แต่ละบทก็มีตัวละครได้เป็นอิสระ ตรงตามต้องการทันที ๑๒. “ถึงเดือนยี่มีเทศน์สมเพชพักตร์ เหมือนลงรักรู้ว่าบุญสิ้นสูญหาย สู้ซ่อนหน้าฝ่าฝืนสะอื้นอาย จนถึงปลายปีฉลูมีธุระ” (จาก “ร� ำพันพิลาป” พ.ศ. ๒๓๘๕) ดู ค� ำอธิบายในหมายเลข ๑๑ เรื่อง “โคลงนิราศสุพรรณ” ที่แต่งมาก่อนระหว่างเดือน ๓ ปีฉลู พ.ศ. ๒๓๘๔ ถึงเดือน ๑๑ ปีขาล พ.ศ. ๒๓๘๕ ผู้เขียนยกเรื่องนี้มาไว้ในที่นี้ แม้ว่าจะไม่เกี่ยวกับมารดาของ สุนทรภู่ แต่ต้องการให้ผู้อ่านปะติดปะต่อเรื่องได้ตามล� ำดับเหตุการณ์ โดยให้เข้าใจว่า สุนทรภู่เดินทางกลับ จากสุพรรณบุรีถึงวัดเทพธิดาราม ในอาทิตย์สุดท้ายก่อนออกพรรษา และทันทีได้แต่ง “ร� ำพันพิลาป” เล่า โอดครวญสรุปแทบทุกเรื่องในชีวิตที่ค้างคา โดยเฉพาะที่ไม่เคยกล่าวไว้ในที่ใดมาก่อน หรือไม่ชัดเจน เช่นปี และเหตุการณ์ออกบวชเป็นพระครั้งแรก แล้วหลังจากนั้นขณะไปอยู่ที่เพชรบุรีก็มีผลงานแต่งเรื่องที่ต่อมา ถูกปลวกกินไป (โดยผู้เขียนเข้าใจว่า ล่วงมาอีกถึง ๖ ปีกว่าจึงได้แต่งใหม่ทดแทนเป็นในเรื่อง “นิราศ ภูเขาทอง”) มีเรื่องเน้นกรณีกับกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ท� ำให้สุนทรภู่ต้องหลบหน้าหลบตา ก่อนต้องสึก จากพระในครั้งนี้ แล้วไปรับพระอุปถัมภ์จากกรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ที่ประทับอยู่ที่พระราชวังเดิม ธนบุรี
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=