สำนักงานราชบัณฑิตยสภา

ทศพร วงศ์รัตน์ 161 วารสารราชบัณฑิตยสภา ปีที่ ๔๐ ฉบับที่ ๑ ม.ค.-มี.ค. ๒๕๕๘ ๑๐. “ดูเบื้องบนอากาศก็ลาดเลี่ยน ต้นคะเคียนร่มรกปกวิหาร มีทั้งสระโกสุมประทุมมาลย์ บ้างตูมบานเกสรอ่อนลออ พี่คิดถึงบัวทองของน้องแก้ว ยังผ่องแผ้วพรรณรายเสียดายหนอ ก� ำลังสดมิได้เศร้าน่าเคล้าคลอ พี่เคยขอชมเล่นมิเว้นวัน ตั้งแต่พี่พลัดพรากมาจากน้อง มิได้ต้องบัวทองประคองขวัญ ชมแต่บัวริมน�้ ำยิ่งร� ำพัน แสนกระสันโศกเศร้าจนเข้าคลอง” “ถ้าน้องมาถึงนี่กับพี่ชาย จะชวนสายสุดที่รักลงสรงชล จะชี้ให้เจ้าดูหมู่มัจฉา ที่ว่ายมาเกลือกกลับอยู่สับสน แล้วจะชวนเก็บผักหักอุบล ให้นฤมลชมธารส� ำราญใจฯ” (จาก “นิราศพระแท่นดงรัง” ส� ำนวน พ.ศ. ๒๓๗๙) ดูเหมือนจะชัดเจนขึ้นจากงานเรื่องนี้ ที่สุนทรภู่แต่งระลึกไปถึงนางม่วง คนรักที่มีลูกด้วยกันชื่อ นิล ในที่นี้เป็นตอนที่สุนทรภู่อยู่ในช่วงสึกจากพระ เปรียบเทียบรูปร่างของดอกบัว (หลวง) กับ “บัวทอง ของน้องแก้ว” ที่ “มิได้ต้อง” อีกต่อมา เพราะเธอได้ฟ้องขอหย่า โดยมีรายละเอียดอยู่ใน “พระอภัยมณีค� ำ กลอน” ตอนที่ ๓๙ หน้า ๗๕๙-๗๖๐ แล้วสุนทรภู่ก็ไม่พลาดที่จะกล่าวชมธรรมชาติ สวมกันไปถึงชื่อมารดา ที่คิดถึงบ้าง ว่า “ชมแต่บัวริมน�้ ำยิ่งร� ำพัน” ขณะเดียวกันก็แทรกเป็นเค้าประวัติการแก้ไขค� ำกลอน “บท ละครเรื่องอิเหนา” และการต่อค� ำกลอนด้วยค� ำตาย ที่กล่าวมาแล้วไว้ด้วย นิราศเรื่องนี้ ถือเป็นงานค� ำกลอน อยู่ในกระบวนโอดครวญร�่ ำไร ที่เข้าขั้นอีกเรื่องหนึ่ง น่าสังเกตว่า ก่อนนั้น ในการแต่ง “นิราศพระแท่นดงรัง” รูปที่ ๖ “พอกราบพระปะดอกปทุมชาติ พบพระธาตุสถิตในเกสร สมถวิลยินดีชุลีกร ประคองช้อนเชิญองค์ลงนาวา” (จาก “นิราศวัดเจ้าฟ้า” พ.ศ. ๒๓๗๖) (ภาพจาก “รวมรูปภาพดอกบัว” Analaya)

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=