สำนักงานราชบัณฑิตยสภา

ทศพร วงศ์รัตน์ 159 วารสารราชบัณฑิตยสภา ปีที่ ๔๐ ฉบับที่ ๑ ม.ค.-มี.ค. ๒๕๕๘ สุนทรภู่ออกจากวัดเลียบ เดินทางไปแต่งนิราศเรื่องนี้ หลังออกพรรษาในเดือน ๑๑ ปีขาล พ.ศ. ๒๓๗๓ และรับกฐินแล้ว เมื่อต้องย้อนกลับไปรับโทษบัพพาชนียกรรมที่เกิดขึ้นก่อน โดยลดลงมาจากต้อง สึกจากพระในคดีเรื่องผู้หญิง ตั้งแต่ปีฉลู พ.ศ. ๒๓๗๒ ครั้งนี้ เนื่องจากเจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดีไม่ทรงต้องการ ให้สุนทรภู่ถวายอักษรเจ้าฟ้ากลาง และเจ้าฟ้าปิ๋วอีกต่อไป เพราะสุนทรภู่ได้ใช้เวลาไปใกล้ชิดกับพระองค์ เจ้าลักขณานุคุณ (ที่เปิดเผยต่อมาเป็นลายแทงว่า “อนึ่งเล่าเจ้านายที่หมายพึ่ง” ไว้ใน “นิราศวัดเจ้าฟ้า”) สุนทรภู่แต่ง “เพลงยาวถวายโอวาท” ถวายก่อนออกเดินทางในระยะน�้ ำท่วมทุ่ง สิ่งแวดล้อมจึงชวนให้ สุนทรภู่พรรณนาไว้ดังกล่าว และยังร�่ ำไรว่าถูกแกล้ง เป็นค� ำกลอนอีกว่า “เหลือร� ำลึกนึกน่าน�้ ำตากระเด็น เพราะขุกเข็ญคนพาลมารานทาง” ซึ่ง “คนพาล” น่าจะเป็นมือที่ ๓ ที่ถือโอกาสซ�้ ำเติม ด้วยการนินทา เพราะอิจฉา นี่จึงเป็นอีกครั้งหนึ่งที่สุนทรภู่ฟ้องผู้อ่านด้วยค� ำกลอน ซึ่งยังมีต่อไปอีกนับครั้งไม่ถ้วน ๘. “พอออกคลองล่องล� ำแม้น�้ ำวก เห็นนกหกเหินร่อนว่อนเวหา กระทุงทองล่องเลื่อนค่อยเคลื่อนคลา ดาษดาดอกบัวขาวคลัวเคลีย นกกกน�้ ำด� ำปลากระสาสูง เป็นฝูงฝูงเข้าใกล้มันไปเสีย” “จึ่งที่นี่มีนามชื่อสามโคก เป็นค� ำโศกสมมุติสุดแถลง ครั้งพระโกศโปรดปรานประทานแปลง ที่ต� ำแหน่งมอญมาสามิภักดิ์ ชื่อปทุมธานีที่เสด็จ เดือนสิบเอ็ดบัวออกทั้งดอกฝัก มารับส่งตรงนี้ที่ส� ำนัก พระยาพิทักษ์ทวยหาญผ่านพารา ได้รู้เรื่องเมืองปทุมค่อยชุ่มชื่น ดูภูมิพื้นวัดบ้านขนานหน้า เห็นพวกชายฝ่ายมอญแต่ก่อนมา ล้วนสักขาเขียนหมึกจารึกพุง” (จาก “นิราศวัดเจ้าฟ้า” พ.ศ. ๒๓๗๖) รูปที่ ๕ “จึ่งที่นี่มีนามชื่อสามโคก เป็นค� ำโศกสมมุติสุดแถลง ครั้งพระโกศโปรดปรานประทานแปลง ที่ต� ำแหน่งมอญมาสามิภักดิ์ ชื่อปทุมธานีที่เสด็จ เดือนสิบเอ็ดบัวออกทั้งดอกฝัก” (จาก “นิราศวัดเจ้าฟ้า” พ.ศ. ๒๓๗๖) (ภาพจาก “รวมรูปภาพดอกบัว” Analaya)

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=