สำนักงานราชบัณฑิตยสภา
ทศพร วงศ์รัตน์ 157 วารสารราชบัณฑิตยสภา ปีที่ ๔๐ ฉบับที่ ๑ ม.ค.-มี.ค. ๒๕๕๘ สุนทรภู่ใช้ธรรมชาติของบัวหลายชนิด ต่างสี เป็นฉากของตอนนี้ และที่นี้แห่งเดียวส� ำหรับ นิทานเรื่องนี้ เหมือนไม่ให้ชื่อมารดาตกหล่นไปได้ อย่างที่ผ่านมาของงานทุกเรื่องของตน คือ ถ้าไม่เป็นบัว ก็ต้องกล่าวระลึกถึงมารดาแล้วแต่โอกาส แต่ที่น่าสังเกตคือ มีการใช้ค� ำว่า “หักฝักบัว... สด” “หยิบ” และ “กระซิบ” ซึ่งสอดคล้องกับเรื่องเล่าโดย ม.จ.จันทรจิรายุวัฒน์ รัชนี หรือ พ. ณ ประมวญมารค ที่กล่าวมา แล้ว จนท� ำให้เข้าใจได้ว่า เหตุการณ์โต้กันด้วยค� ำตายนั้นน่าจะเป็นเรื่องจริง และคงจะเกิดขึ้นก่อนการแต่ง นิทานตอนนี้ไม่นาน สุนทรภู่จึงจ� ำเอามาคิดใช้แต่ง เป็นการบันทึกประวัติ ด้วยการเอาสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนั้น มา ประกอบเป็นเรื่องไว้ในครั้งนี้ ซึ่งยังเป็นเหมือนลายแทงว่า ชื่อของมารดาตัวเองคือ บัว ให้มีความชัดเจนขึ้น อีกครั้ง งานเรื่องนี้ เช่นเดียวกับ “ลักษณวงศ์” สุนทรภู่แต่งถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และเจ้าฟ้าอาภรณ์ ท� ำให้ได้ต� ำแหน่ง ขุนสุนทรโวหาร แล้วจึงแต่ง “สวัสดิรักษาค� ำกลอน” ถวายเจ้าฟ้าอาภรณ์อีก ๖. “บรรลุถึงสระหนึ่งในกลางเถื่อน มีบัวเผื่อนสัตบุษย์ผุดไสว จอกกระจับขึ้นสลับสลอนไป คงคาไสดังกระจกกระจ่างดี มัจฉาว่ายรายเรียงมาเคียงคู่ บ้างผุดฟู่พ่นน�้ ำแล้วด� ำหนี” “พระมุนีมีนามมหาเมฆ อดิเรกฤทธีไม่มีสอง ส� ำรวมญาณมัสการพระเพลิงกอง อยู่ในห้องหิมวาพนาศรี เธอได้นางกลางสัตบงกช พระดาบสเลี้ยงไว้ในไพรศรี” “จนไก่แก้วแจ้วขันสนั่นไป วิหคไพรตื่นจากรังอยู่พรั่งพร้อม น�้ ำค้างร่วงประทุมมาลย์ก็บานชื่น รื่นรื่นลมเชยระเหยหอม สงสารหน่อกระษัตราอุรากรอม แล้วอดออมกลั้นไว้ในอารมณ์” “แล้วมนตรีมีฤทธิ์นิมิตพลัน เป็นช้างเอราวัณอันเลขา ทั้งสามเศียรสามหางส� ำอางตา อลังการ์เครื่องประดับมณีดี เหมือนช้างทรงองค์ท้าวหัสเนตร งามวิเศษใหญ่ยิ่งคิรีศรี ในล� ำงาคชสารประมาณมี สระโบกขรณีในงางอน ในสระศรีมีบัวขึ้นเจ็ดดอก ดอกหนึ่งออกเจ็ดกลีบทรงเกสร กลีบหนึ่งมีนางฟ้าพงางอน ร่ายร� ำฟ้อนอยู่ในกลีบทั้งเจ็ดองค์ องค์หนึ่งมีบริวารประมาณเจ็ด ก็พร้อมเสร็จสุดงามตามประสงค์” (จาก “ลักษณวงศ์” พ.ศ. ๒๓๖๕-๒๓๖๗) (ดู ค� ำอธิบายในหมายเลข ๑ และ ๕ เรื่อง “โคบุตร” และ “สิงหไกรภพ” ที่กล่าวมาแล้ว และ ๒๒ ที่จะกล่าวต่อไป ดู ค� ำกลอนหมายเลข ๑, ๑๔)
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=