สำนักงานราชบัณฑิตยสภา

ทศพร วงศ์รัตน์ 153 วารสารราชบัณฑิตยสภา ปีที่ ๔๐ ฉบับที่ ๑ ม.ค.-มี.ค. ๒๕๕๘ “แต่จงรอพอให้ได้สืบสวน จะทบทวนถามข่าวชาวกรุงศรี ใครรู้เรื่องเมืองพระอภัยมณี แจ้งคดีจะให้หาบรรณาการ” บ้างก็คงจะอยากให้มีการพาดพิงถึงตัวเองบ้าง สุนทรภู่จึงเอามากล่าวหยอกไว้อีกเช่นกัน ตั้งแต่ เช่นใน “นิราศเมืองแกลง” และ “นิราศพระบาท” ตามล� ำดับ ว่า “ดูหนุ่มสาวชาวบ้านร� ำคาญจิต ไม่น่าคิดเข้าในกลอนอักษรสนอง ล้วนวงศ์วานว่านเครือเป็นเชื้อชอง ไม่เหมือนน้องนึกน่าน�้ ำตากระเด็น” “บ้างชมป่าช้าปี่ทีละคร ถึงสบกลอนที่จะรู้ก็สู้เมิน เฝ้าแหงนดูดวงแขชะแง้พักตร์ เห็นจันทร์ชักรถร่อนเวหาเหิน ดูดวงเดือนเหมือนชื่อรื้อเผอิญ ระก� ำเกินที่จะเก็บประกอบกลอน” ยังมีเพลงยาวที่จ� ำกันมา โดยเริ่มจากหญิงชาวบางกอกน้อย ชื่อ พิญ มารดามอบให้เป็นบุตร บุญธรรมองสุนทรภู่ จนได้ร่วมเล่าเรียนกับเด็กที่เป็นศิษย์คนอื่นอยู่ในเรือ ที่ใช้เป็นที่เรียน เพราะมีเรื่อง พาดพิงถึงค� ำว่า บัว โดยสุนทรภู่ จึงขอน� ำมาอ้าง ไว้ในที่นี้ด้วย คือ “คิดจะชวนนวลน้องไปครองคู่ ก็เกรงผู้พวกนั้นมันจะหึง ทั้งพวกเพื่อนเขาจะลือกันอื้ออึง ใช่ว่าบึงบัวงอกแต่ดอกเดียว” ต่อไปนี้ เป็นหลักฐานจากงานค� ำกลอนอื่น ๆ ตามล� ำดับของสุนทรภู่ ยกเว้น นิทาน “พระ อภัยมณีค� ำกลอน” ที่จะกล่าวต่อไป ตัวเลขเป็นล� ำดับงานที่ยกมากล่าวถึง ๑. “เห็นสระศรีมีบัวระดาดาษ สุดสวาทจิตประหวัดเข้าปฏิสนธ์ เกิดเป็นรูปนารีนิรมล กลีบอุบลหุ้มไว้ในสาคร อยู่ประมาณนานมาในบัวหลวง สุดาดวงก� ำดัดชมสมสมร จะกล่าวถึงสุริยาทิพากร เสด็จจรเลี้ยวเหลี่ยมพระเมรุมา อรุณโรจน์โชติช่วงดวงจรัส ส่องจังหวัดภาคพื้นพระเวหา พิศเพ่งเล็งแลในโลกา เห็นนางฟ้าอยู่ในพุ่มปทุมมาลย์ เพราะรักเราเจ้าต้องมาสิ้นชีพ เกิดในกลีบบุษบงน่าสงสาร” “ครั้นถึงจึ่งลงพลางที่กลางสวน พระชี้ชวนให้น้องชมพฤกษาไสว

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=