สำนักงานราชบัณฑิตยสภา

เรื่ องของนั สเร็ ดดิ น โฮจ้า 36 The Journal of the Royal Society of Thailand Vol. 40 No. 2 Apr-June 2015 ๔. ขอตายด้วยคน ในปีหนึ่งเดือนถือศีลอดเกิดตรงกับกลางฤดูร้อนที่ร้อนจัดมาก เศรษฐีผู้หนึ่งเชิญโฮจ้าไปกิน อาหารเช้าที่บ้าน ธรรมดาจะต้องเสิร์ฟซุปก่อน แต่เนื่องจากอากาศร้อนมากจึงเสิร์ฟผลไม้ลอยแก้ว แช่เย็น เจ้าภาพซึ่งชอบแกล้งคนวางช้อนชาคันเล็ก ๆ ข้างหน้าแขกทุกคน ส่วนตัวเองมีกระบวยขนาดใหญ่ อยู่ในมือ ทุกครั้งที่ตักผลไม้เข้าปากเขาก็จะเปล่งเสียงว่า “เฮ้อ มันอร่อยจนข้าอยากตายจัง” โฮจ้ามองการกระท� ำของเศรษฐีครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดเขาก็อดรนทนไม่ไหว “ท่านขอรับ ช่วยเวียนกระบวยมาทางพวกข้าบ้างได้ไหมขอรับ พวกข้าขอตายด้วยคน” ...ในเรื่องนี้จะเห็นธรรมเนียมของมุสลิมที่คนมีฐานะจะเลี้ยงอาหารคนยากจนในงานฉลอง แต่ ก็สะท้อนให้เห็นอีกด้วยว่าคนรวยมักเอาเปรียบคนจน โฮจ้าไม่อยู่ในฐานะที่จะไปต่อว่าเศรษฐีได้แต่ก็ใช้ ค� ำพูดที่สุภาพประชดประชันพฤติกรรมของเศรษฐีให้รู้ตัวว่าท� ำไม่ถูก ๕. ต� ำราปรุงอยู่ที่ข้า โฮจ้าซื้อตับชิ้นงามมาจากร้านขายเนื้อ ระหว่างกลับบ้านเขาเจอเพื่อนคนหนึ่งซึ่งบอกวิธีท� ำสตูว์ ตับให้ “ข้าต้องลืมแน่ ๆ เลย ช่วยจดใส่กระดาษให้หน่อยซี” เพื่อนก็จดให้อย่างดี ขณะที่โฮจ้าก� ำลังเดินกลับบ้าน มือหนึ่งถือตับ อีกมือหนึ่งถือกระดาษจดต� ำราปรุง ทันใดนั้น เหยี่ยวตัวหนึ่งบินโฉบลงมาคาบตับไป โฮจ้าวิ่งไล่เหยี่ยวแต่ไม่ทัน เมื่อเห็นว่าเขาจับเหยี่ยวไม่ได้แน่ โฮจ้า จึงชูกระดาษจดต� ำราขึ้นสูงและตะโกนว่า “แกได้ตับไปก็เท่านั้นแหละ ต� ำราปรุงอยู่ที่ข้าโว้ย” ...เรื่องนี้เข้าท� ำนองสุนัขจิ้งจอกกับองุ่นเปรี้ยวในนิทานอิสป ๖. ไม่มีทางปิดปากคนได้สนิทเหมือนปิดถุงย่าม โฮจ้าก� ำลังเดินทางไปหมู่บ้านโดยให้ลูกชายขี่ลา ส่วนตัวเองเดิน คนที่ผ่านมาเห็นก็ร้องว่า “ตาเฒ่าที่น่าสงสารต้องเดินในเมื่อเจ้าหนุ่มนั่นขี่ลา น่าอายจริง  ๆ อะไรกันนี่?” เมื่อได้ยินเช่นนั้นโฮจ้าจึงให้ลูกชายลงจากลาแล้วตัวเองก็ขึ้นไปขี่ลา พอไปได้อีกหน่อยชาวบ้าน ที่นั่งอยู่ข้างทางก็ทักอีกว่า “ดูไอ้คนตัวใหญ่ซี หน้าไม่อาย ตัวเองขี่ลาแล้วปล่อยให้เจ้าหนูที่น่าสงสารเดิน คนสมัยนี้ช่างไม่มีน�้ ำใจเอาเสียเลย”

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=