สำนักงานราชบัณฑิตยสภา

พระเวทในสายตาแห่งพุทธปรั ชญา 88 The Journal of the Royal Society of Thailand Vol. 41 No. 2 April-June 2016 ทั้งสี่นี้ ถ้าส� ำรวมกาย วาจา ใจ อาศัยการเจริญโพธิปักขิยธรรม ก็จะปรินิพพานได้ในปัจจุบันเหมือนกัน และวรรณะทั้งสี่เหล่านี้ ผู้ใดเป็นภิกษุ เป็นพระอรหันต์ขีณาสพ หมดกิจ ปลงภาระ หลุดพ้นเพราะรู้ โดยชอบ ผู้นั้นก็นับว่าเป็นยอดแห่งวรรณะเหล่านั้นโดยธรรม มิใช่โดยอธรรม เพราะธรรมะเป็นสิ่ง ประเสริฐสุดในหมู่ชนทั้งในปัจจุบันและอนาคต...พวกพราหมณ์มิได้นึกถึงความเก่า จึงกล่าวว่า วรรณะ พราหมณ์เท่านั้นประเสริฐสุด วรรณะอื่น ๆ เลว วรรณะพราหมณ์เท่านั้นเป็นวรรณะขาว วรรณะอื่น ๆ  ด� ำ พราหมณ์ทั้งหลายเท่านั้นย่อมบริสุทธิ์ คนที่มิใช่พราหมณ์ย่อมไม่บริสุทธิ์ พราหมณ์ทั้งหลายเป็นบุตร เป็นโอรสของพรหม เกิดจากปากพรหม มีพรหมเป็นแดนเกิด เป็นผู้อันพรหมสร้างสรรค์ เป็นทายาท ของพรหม แต่คนย่อมเห็นกันทั่วไปว่า นางพราหมณีของพวกพราหมณ์ มีระดูก็มี มีครรภ์ก็มี ก� ำลัง คลอดก็มี ก� ำลังให้บุตรดื่มนมก็มี ก็พวกพราหมณ์เหล่านั้นเกิดจากองค์ก� ำเนิดของมารดา (โยนิชา) แท้ ๆ ยังกล่าวว่า วรรณะพราหมณ์เท่านั้นประเสริฐสุด วรรณะอื่นเลว เป็นต้น พราหมณ์เหล่านั้นย่อมชื่อว่า กล่าวตู่พระพรหม กล่าวค� ำเท็จ และประสบสิ่งมิใช่บุญเป็นอันมาก.. บุคคลบางคนในโลกนี้ที่เป็นกษัตริย์ ก็มีเป็นพราหมณ์ก็มี เป็นแพศย์ก็มี เป็นศูทรก็มี ย่อมฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ... ธรรมเหล่านั้น บางข้อปรากฏในกษัตริย์ก็มี ในพราหมณ์ก็มี ในแพศย์ก็มี ในศูทรก็มี… บุคคลบางคน ในโลกนี้ ที่เป็นกษัตริย์ก็มี พราหมณ์ก็มี แพศย์ก็มี ศูทรก็มี ย่อมเว้นจากการฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม ย่อมเว้นการพูดเท็จ... ธรรมเหล่านั้น บางข้อปรากฏในกษัตริย์ก็มี ในพราหมณ์ก็มี ในแพศย์ก็มี ในศูทรก็มี เมื่อวรรณะทั้งสี่ยังดาษดื่นทั้งสองทางยังประพฤติทั้งในธรรมที่ด� ำและขาว ที่ผู้รู้ ติเตียนและสรรเสริญอยู่อย่างนี้ ค� ำใดที่พวกพราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่าวรรณะพราหมณ์เท่านั้น ประเสริฐ สุด วรรณะอื่น ๆ เลว วรรณะพราหมณ์เท่านั้นขาว วรรณะอื่น ๆ ด� ำ พราหมณ์ทั้งหลายเท่านั้นย่อมบริสุทธิ์ คนที่มิใช่พราหมณ์ย่อมไม่บริสุทธิ์ พราหมณ์ทั้งหลาย เป็นบุตร เป็นโอรสของพรหม เกิดจากปากพรหม มีพรหมเป็นแดนเกิด เป็นผู้อันพรหมสร้างสรรค์ เป็นทายาทของพรหม ดังนี้ วิญญูชนทั้งหลายย่อมไม่รับรู้ ค� ำกล่าวของพราหมณ์เหล่านั้น ข้อนั้นเพราะอะไร?” ๒๔ นี้แสดงให้เห็นว่าพราหมณ์ไม่รู้ธรรมชาติความ เป็นมาของตนเอง ไม่ใช่วรรณะพราหมณ์ประเสริฐสุด แต่ธรรมะเป็นของประเสริฐสุดในหมู่ชน ทั้งใน ปัจจุบันและอนาคต ใน อัสสลายนสูตร มาณพชื่ออัสสลายนะ ได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า แล้วจึงทูลถามพระมติว่า จะทรงคิดเห็นอย่างไร ในข้อที่พราหมณ์ทั้งหลายกล่าวว่า วรรณะพราหมณ์เท่านั้นประเสริฐ เป็นฝ่ายขาว บริสุทธิ์ ส่วนวรรณะอื่นตรงกันข้าม พระพุทธเจ้าตรัสตอบอ้างว่าพราหมณ์เกิดจากองค์ก� ำเนิดของ นางพราหมณ์ จะว่าเกิดจากปากพรหมเป็นผู้ประเสริฐได้อย่างไร แล้วได้ตรัสถึงประเพณีในแคว้นโยนก ๒๔ ที.สี.9/213/ 288

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=