สำนักงานราชบัณฑิตยสภา
149 วุฒิ ชั ย มูลศิ ลป์ วารสารราชบัณฑิตยสภา ปีที่ ๔๑ ฉบับที่ ๒ เม.ย.-มิ.ย. ๒๕๕๙ “พื้นเพท่านเป็นชาวจีน ย่อมจะรู้ดีถึงคุณธรรม จริยธรรม อันเป็นธรรมสูงสุด แล้วจะไม่เคยทราบหลักค� ำสอนเรื่องการก� ำหนดสถานะบุคคลตามความส� ำคัญ ซึ่งไม่มีการผ่อนปรนให้แก่ผู้ที่ก้าวล่วงโดยมิชอบในสถานภาพของตนเองเป็น อันขาดหรือ” พร้อมกันนี้ก็ได้ยกตัวอย่างของจีนว่า “พระจักรพรรดิทรงปกครองทุกเผ่าชนในแว่นแคว้นจีนโดยยึดถือการอบรม สั่งสอนด้วยคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลเป็นใหญ่ ทรงเป็นแบบอย่างแก่ นานาประเทศ” ๓๕ จะเห็นได้ว่า จักรพรรดิเฉียนหลงทรงต� ำหนิการขอตราตั้งและตั้งตัวเป็นใหญ่ว่าผิดคุณธรรม จริยธรรม ทั้งนี้ตามหลักคุณธรรม จริยธรรมในลัทธิขงจื๊อ ถือเป็นการฉกฉวยโอกาสโดยไม่คิดถึงสถานภาพ เดิมของตน แล้วยังยกตัวอย่างการปกครองของพระองค์ให้เห็นด้วย การไม่ยอมรับและต� ำหนิสมเด็จพระเจ้าตากสินยังคงมีต่อมาจนถึง พ.ศ. ๒๓๑๔ แต่น�้ ำเสียงลด ความรุนแรงลงเรื่อย ๆ โดยที่มีปัจจัยอื่น คือ การสงครามระหว่างจีนกับพม่า (สงครามครั้งที่ ๕ สมัย จักรพรรดิเฉียนหลง) ซึ่งจะได้กล่าวต่อไป อุปสรรคประการต่อมาที่ท� ำให้จีนปฏิเสธความสัมพันธ์กับสมเด็จพระเจ้าตากสิน คือ การที่ จักรพรรดิเฉียนหลงได้รับข้อมูลจากฝ่ายต่อต้านสมเด็จพระเจ้าตากสิน ซึ่งอยู่ที่เมืองพุทไธมาศ (หรือฮาเตียน) คือ เจ้าจุ้ย เจ้าศรีสังข์ ซึ่งเป็นเชื้อสายราชวงศ์สุดท้ายของอยุธยา และพระยาราชาเศรษฐี เจ้าเมืองพุทไธมาศ (ซึ่งเป็นลูกครึ่ง มีบิดาเป็นจีนอพยพมาจากเมืองกว่างโจว หรือกวางตุ้ง มารดาเป็นญวน) ๓๖ ชื่อจีนคือ ม่อซื่อหลิน ชื่อญวนคือ มัก เทียน ทู (ค.ศ. ๑๗๐๐-๑๗๘๐/พ.ศ. ๒๒๔๓-๒๓๒๓) (หลักฐานไทยเรียกว่า พระยา ราชาเศรษฐีญวน) เมืองพุทไธมาศเป็นแหล่งใหญ่ของจีนอพยพที่เป็นชาวกวางตุ้ง ซึ่งเป็นคนละกลุ่มกับ จีนแต้จิ๋ว แม้จะมาจากมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) เหมือนกัน ข้อมูลจากฝ่ายนี้ท� ำให้จักรพรรดิเฉียนหลง มีท่าทีต่อสมเด็จพระเจ้าตากสินในด้านลบ ดังนั้นสมเด็จพระเจ้าตากสินจึงเห็นความจ� ำเป็นที่จะต้องแต่งกองทัพไปปราบพระยาราชา เศรษฐีญวนในทันทีที่มีโอกาส แต่การตีเมืองพุทไธมาศที่สะดวกและปลอดภัยมากที่สุดคือผ่านทางเขมร สมเด็จพระเจ้าตากสินจึงส่งพระราชสาส์นให้พระนารายณ์ราชา (นักองตน) กษัตริย์เขมรให้ยอมสวามิภักดิ์ ๓๕ เรื่องเดียวกัน . ๓๖ Chingho A. Chen, “Mac Thientu and Phraya Taksin, A Survey on their Political Stand, Conflicts and Background,” Proceedings Seventh IAHA Conference 1977 (Bangkok: Chulalongkorn University Press, 1977) : p. 1537.
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=