สำนักงานราชบัณฑิตยสภา

อยู่คนเดี ยว : รูปแบบใหม่ของครั วเรื อนในสั งคมปัจจุบั น 128 The Journal of the Royal Society of Thailand Vol. 41 No. 2 April-June 2016 ๑) การเปลี่ยนผ่านด้านประชากร :  ในโลกปัจจุบันได้เกิดการเปลี่ยนผ่านทางประชากร (demographic transition) ที่ส� ำคัญมาแล้ว ๒ ระลอก ในระลอกแรกเป็นการเปลี่ยนผ่านด้านการตาย และการเกิด ซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม ผลของการเปลี่ยนผ่านในส่วนนี้คือ คนมีอายุยืนมากขึ้น ขณะที่จ� ำนวนบุตรต่อครอบครัวมีน้อยลงเพราะความส� ำเร็จของการคุมก� ำเนิด ยังผลให้ครัวเรือนมีขนาดเล็ก การที่คนมีอายุยืนหมายความว่า ในบั้นปลายของชีวิตชาย-หญิงที่เป็นคู่สามี ภรรยากัน ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีโอกาสจะอยู่เป็นหม้ายมากขึ้น แต่ส่วนมากแล้วคือฝ่ายภรรยา ทั้งนี้เพราะ โดยทั่วไปเพศหญิงมีอายุยืนกว่าเพศชาย เมื่อฝ่ายชายที่เป็นสามีเสียชีวิตไปก่อน ฝ่ายหญิงที่อายุมาก แล้วจึงอยู่ในสภาพที่เป็นหม้าย คนที่เป็นหม้ายมีความเสี่ยงสูงที่จะอยู่ตามล� ำพังคนเดียวมากกว่าคนที่มี คู่สมรส โดยเฉพาะในยุคที่สามีภรรยามีลูกน้อยคนอย่างในปัจจุบัน เพราะถ้าบังเอิญลูกที่มีอยู่น้อยคนนั้นไป ท� ำงานหรือตั้งรกรากอยู่ในที่ห่างไกล โอกาสที่ผู้สูงอายุจะถูกให้อยู่คนเดียวก็เป็นไปได้มาก ข้อนี้อาจเป็นค� ำ อธิบายส่วนหนึ่งของการที่หญิงในกลุ่มสูงอายุมีอัตราการอยู่คนเดียวสูงมากกว่าชาย ทั้งในประเทศไทยและ ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ในกรณีประเทศไทย เกือบ ๑ ใน ๔ (ร้อยละ ๒๓.๖) ของหญิงที่อยู่คนเดียวเป็น ผู้สูงอายุเทียบกับชายซึ่งมีเพียงร้อยละ ๑๕ เท่านั้นที่อยู่คนเดียว ในจ� ำนวนนี้ส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นหม้าย หรือมิฉะนั้นก็เป็นโสด ในกรณีประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา มีสถิติแสดงว่าใน พ.ศ. ๒๕๓๓ เกือบร้อยละ ๗๐ ของหญิงที่เป็นหม้ายอาศัยอยู่คนเดียว (Kramarow, 1995) การเปลี่ยนผ่านทางประชากรระลอกที่สองเกิดขึ้นในเรื่องการแต่งงาน ปัจจุบันคนวัยหนุ่มสาว จ� ำนวนมากชะลอการแต่งงานไว้จนอายุมากขึ้นถึงเกือบ ๓๐ หรือมากกว่า ๓๐ ปี จึงเริ่มต้นชีวิตครอบครัว ขณะที่อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งก็มีจ� ำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ พอใจที่จะใช้ชีวิตอยู่เป็นโสดตลอดไป (ชาย โพธิสิตา, ๒๕๕๒) ดูเหมือนว่าการชะลอการแต่งงาน และแม้กระทั่งการไม่แต่งงาน ก� ำลังกลายเป็นค่านิยมของชนชั้นหนึ่ง โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวในเมืองและคนที่มีการศึกษาสูง ซึ่งมีรสนิยมการใช้ชีวิตแบบ “ทันสมัย” ให้ความส� ำคัญ กับความเป็นอิสระ ทั้งในด้านการงานและการมีความสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่ ชะลอการแต่งงานไว้และคนที่อยู่เป็นโสดจะอยู่คนเดียว ประเด็นในที่นี้คือ การแต่งงานช้าและการไม่แต่งงาน ตลอดชีวิตเพิ่มโอกาสที่จะอยู่คนเดียวมากกว่าปรกติ อาจจะด้วยเหตุนี้คนโสดทั้งชายและหญิง จึงเป็นกลุ่ม ที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาคนที่อยู่คนเดียวทั้งหมด ดังข้อมูลที่แสดงในตารางที่ ๒ ข้างต้น ๒) การพัฒนาเศรษฐกิจ : การพัฒนาเศรษฐกิจในปัจจุบันได้ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ตามมาอย่างน้อย ๒ ประการ ทั้งสองประการนี้มีผลต่อการอยู่คนเดียวไม่มากก็น้อย ประการแรก การพัฒนาเศรษฐกิจท� ำให้ โอกาสการมีงานท� ำของคนในสังคมเพิ่มมากขึ้น และโอกาสนั้นมักจะเกิดขึ้นในที่ห่างไกลจากที่อยู่ตามปรกติ ท� ำให้คนในวัยแรงงาน โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวต้องย้ายที่อยู่ไปยังเขตที่มีการจ้างงาน แรงงานย้ายถิ่นวัยหนุ่ม

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=