สำนักงานราชบัณฑิตยสภา

The Journal of the Royal Society of Thailand Vol. 41 No. 3 July-September 2016 30 พระศพที่วัดระฆัง (มิใช่พระศพเจ้าครอกข้างในทองอยู่ ที่สิ้นพระชนม์ในเดือน ๑๑ ปีวอก พ.ศ. ๒๓๗๙ ดังมีกล่าวอีก ๖ ปีต่อมาอยู่ใน “ นิราศพระประธม ”) ในวันเสาร์ที่ ๖ เมษายน ปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๓๗๖ โดยที่สุนทรภู่เริ่มด้วยการแต่งสร้างภาพให้เณรหนูพัด ซึ่งบวชอีกครั้งหลังจากสึกในปีจอ พ.ศ. ๒๓๖๙ หรือ อาจก่อนนี้แล้วเดินทางไปปรนนิบัติสุนทรภู่ขณะออกธุดงค์ เป็นผู้แต่ง ในฐานะที่ได้รับพระอุปถัมภ์จาก พระองค์มานาน ยังเป็นที่น่าสังเกตว่า ในการเดินทางแต่ง “ นิราศวัดเจ้าฟ้า ” ราวเดือนกันยายนครั้งนั้น บิดาของ สุนทรภู่ที่สึกจากพระมาตั้งแต่ปลายปีกุน พ.ศ. ๒๓๗๐ หรือต้นปีชวด พ.ศ. ๒๓๗๑ (นิทานพระอภัยมณี ตอนที่ ๒๓ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรไปถึงเมืองรัตนา) ได้ร่วมเดินทางไปด้วย การพาดพิงถึงบิดา โดยแฝงให้ เณรหนูพัด (ผู้ไม่เคยมีผลงานแม้ต่อมา) เป็นผู้แต่ง จึงอาจหมายถึงบิดาของสุนทรภู่ หรือตัวสุนทรภู่เอง ซึ่งเป็นผู้แต่งจริง อย่างครั้งต่อมาเมื่อแต่ง “ นิราศพระแท่นดงรัง ” ส� ำนวนเณรหนูกลั่น (ผู้ก็ไม่เคยมีผลงาน แม้ต่อมา) ในปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๓๗๖ เดียวกัน โดยในภาพที่ก็อาจเป็นไปได้ของท้ายการเดินทางที่ไม่ใช้เรือ ครั้งนี้โดยสถานที่และฤดูกาลต้องเดินท่องทุ่งในหน้าน�้ ำ “ เที่ยวเล่น ” กับบิดาและลูก ๆ จากวัดใหญ่ชัยมงคล มุ่งหาวัดเจ้าฟ้าทางทิศตะวันออก (น่าสังเกตว่า วัดมเหยงคณ์ อยู่ทางตะวันออกของเกาะกรุงศรีอยุธยา แต่สุนทรภู่ไปตั้งต้นที่วัดใหญ่ชัยมงคล) โดยทั้งวันก็ไม่มีการกล่าวถึงท้องน�้ ำ เป็นไปได้เพราะเริ่มไม่มีการแต่ง ค� ำกลอนในวันนี้ (แล้วไปเริ่มแต่งต่อที่วัดพระเชตุพนเมื่อกลับถึงกรุงเทพฯ) อีกทั้งตามเนื้อหาในส่วนของข้าง ท้ายเรื่องที่ยกมากล่าวแล้ว ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ โดยสุนทรภู่เรียกว่าเป็นเรื่อง “ เรื้อร้าง ” เริ่มตั้งแต่ “ พอฤๅษีสี่องค์เหาะตรงมา ถวายยาอายุวัฒนะ ” ซึ่งโดยเนื้อหาเป็นเรื่องในต� ำนาน โดยเฉพาะสรรพคุณของ ยาที่ “ แม้นฟันหักจักงอกผมหงอกหาย แก่กลับกลายหนุ่มเนื้อนั้นเรื่อเหลือง ” จึงเท่ากับเป็นการบอกใบ้ เช่นเดียวกับชื่อเรื่อง คือไม่น่าที่ชื่อวัดเจ้าฟ้าอากาศนาถนรินทร์ที่แปลว่า ผู้มีเบื้องสูงระดับเจ้าฟ้าให้ความ อุปถัมภ์นี้จะมีอยู่จริง ไม่เหมือนอย่างนิราศไปวัดอื่น ๆ ที่ไม่ต้องตามหาสถานที่ และไม่เคยต้องกล่าวถึงป้าย ชื่อ อย่างวัดเจ้าฟ้า ที่แม้จะอ้างว่า มีแผ่นหินสลักเป็นชื่ออยู่ ก็คงจะเพื่อให้สมจริงเท่านั้น แต่น่าจะให้ชื่อ เป็นการพาดพิงกลาย ๆ (จากฉากอาจจริงของวัดใดแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่บนโขดดิน และตรงกับชื่อวัดมเหยงคณ์ ในความหมายนั่นเอง ที่น�้ ำไม่ท่วมก็เป็นได้) ให้กระทบเป็นชื่อถึงเจ้าฟ้า คือสมเด็จเจ้าฟ้ากุลฑลทิพยวดี ที่ตัวสุนทรภู่มี “ เรื่องที่เคืองเข็ญ ” หรือผิดหวังด้วยปัญหากับพระองค์ ที่ “ หายยศหมดรัก ” จนต้องกลับมา ถูกบัพพาชนียกรรมจากวัดเลียบ หลังรับกฐิน ในปีขาล พ.ศ. ๒๓๗๓ และเวลาได้ผ่านมา ๓ ปีแล้ว จึงถือโอกาสนี้หาเรื่องแต่งประชดพระองค์ แสดงความแค้นเคือง หรือว่าเล่นตามนิสัย เปรียบเหมือน ตลกหลวงซึ่งไม่มีใครถือ แต่ก็มีผู้ติฉิน นินทา ว่าร้าย เป็นธรรมดา กวาวเครือ และดินโป่งเป็น ดินถนัน ถันสุธา นมพระธรณี ในนิทานพระอภัยมณีค� ำกลอน

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=