สำนักงานราชบัณฑิตยสภา

วารสารราชบัณฑิตยสภา ปีที่ ๔๑ ฉบับที่ ๓ ก.ค.-ก.ย. ๒๕๕๙ 21 พอม้ามิ่งวิ่งมาแล้วอ้าปาก รู้ว่าอยากยื่นให้ม้าเป็นอาหาร ม้าล� ำพองลองเชิงเริงส� ำราญ นางนั่งฝานชิ้นชิมจนอิ่มใจ ยังเหลืออีกซีกเสี้ยวไม่เหี่ยวแห้ง ห่อตะแบงมานมั่นไม่หวั่นไหว ขึ้นทรงนั่งหลังม้าแล้วคลาไคล พอสัตว์ไพรรู้อึงคะนึงมา ทั้งเนื้อเบื้อเสือสิงห์กระทิงถึก หมู่มฤคแรดควายทั้งซ้ายขวา บ้างแลพบหลบตัวด้วยกลัวตรา บ้างวิ่งมาวิ่งไปออกไขว่กันฯ พอเห็นคนบนชะง่อนสิงขรเขา ร้องว่าเรารักษาพนาสัณฑ์ นางวัณฬามาได้กินดินส� ำคัญ ไม่แบ่งปันให้เราบ้างเป็นอย่างไร นางแลดูผู้เฒ่าบนเขาเขียว เป็นซีกเสี้ยวแต่ข้างขวาน่าสงสัย จึงซักถามตามแคลงไม่แจ้งใจ ท่านชื่อไรร้องทักรู้จักเรา อันของดีมีรสไม่หมดสิ้น จะให้กินได้อยู่ท่านผู้เฒ่า แต่พรายแพร่งแจ้งความตามส� ำเนา ก่อนเถิดเราก็จะให้เป็นไรมีฯ ฝ่ายอารักษ์ศักดิ์สิทธิ์สถิตสถาน จึงแจ้งการกับวัณฬามารศรี ลูกนั้นหรือชื่อว่านมพระธรณี ถึงพันปีผุดขึ้นเหมือนปืนดัง ฝูงสัตว์ไพรได้ยินทั้งกลิ่นหอม มาพรั่งพร้อมเพราะจะกินถวิลหวัง ด้วยหวานเย็นเห็นประเสริฐเกิดก� ำลัง ก� ำจัดทั้งโรคาไม่ราคี อายุยืนชื่นชุ่มเป็นหนุ่มสาว ผิวนั้นราวกับทองละอองศรี ถึงแก่เฒ่าเข้าเรือนสามร้อยปี ก็ไม่มีมัวหมองละอองนวล ทั้งเนื้อหอมกล่อมกลิ่นระรินรื่น เป็นที่ชื่นเชยบุรุษสุดสงวน เราได้กลิ่นดินถนันให้รัญจวน ด้วยธุระพระอิศวรเธอสาปไว้ ให้อยู่เฝ้าเขาอังกาศขาดครึ่งซีก สุดจะหลีกเลี่ยงกรรมจะท� ำไฉน ต่อได้กินดินถนันเมื่อวันไร จึงจะได้เต็มกายสบายบานฯ นางทราบความตามค� ำที่ร� ำเล่า จึงหยิบเอาถันสุธาออกมาฝาน วางไว้บนต้นไม้ที่ใกล้ธาร แล้วว่าท่านเทวดาได้ปรานี ซึ่งธุระพระองค์จ� ำนงนั้น ข้าผ่อนผันพ้นทุกข์เป็นสุขี ข้าหลงทางกลางป่าพนาลี ท่านช่วยชี้มรคาให้คลาไคลฯ ฝ่ายเทวัญครั้นสดับที่กลับถาม จึงบอกความเคลือบแฝงแถลงไข ซึ่งโฉมยงหลงทางมากลางไพร เพราะจะได้พบลาภปราบไพรี จงรีบรัดตัดทางไปข้างเขา จะพบชาวบ้านป่าพนาศรี ทศพร วงศ์รัตน์

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=