สำนักงานราชบัณฑิตยสภา
วารสารราชบัณฑิตยสภา ปีที่ ๔๑ ฉบับที่ ๓ ก.ค.-ก.ย. ๒๕๕๙ 13 ผลึก (สวมบทแทน ร. ๓ และกับตัวเองที่มีประวัติเป็นบุคคลที่กว้างขวาง หรืออีกด้านหนึ่งก็ฉาวโฉ่ในเมือง เพชรบุรี) ถึงตอนที่ ๕๓ ที่แต่งในต้นปีขาล พ.ศ. ๒๓๘๕ เค้าของพระองค์ก็อยู่ในร่างหนึ่งของมังคลา ส่วนหนูพัด ที่แต่งให้อยู่ในร่างของสินสมุทรก็มีอีกร่าง คืออรุณรัศมี ตั้งแต่ตอนที่ ๑๖ ส่วนนางสุวรรณมาลีหรือนางละเวงก็เช่นกัน ต่างก็รับบทที่แตกต่างไปของบุคคลจริงอีกนับ ๑๐ คน โดยมักเป็นไปตามล� ำดับเวลาและเหตุการณ์จริง รวมทั้งภรรยาของตัวสุนทรภู่เอง เช่น นางจัน นางนิ่ม และนางงิ้ว ต่างก็ได้รับการแยกบทเล่น กล่าวคือ เมื่อคู่กับพระอภัยมณีก็เป็นนางยักษ์ผีเสื้อสมุทร นางเงือกหรือนางสุวรรณมาลี และนางละเวงวัณฬา ตามล� ำดับ แต่เมื่อคู่กับศรีสุวรรณก็เป็น นางเกษรา นางศรีสุดา และนางร� ำภาสะหรี ตามล� ำดับ แล้วนางศรีสุดาในที่สุด ถึงตอนที่ ๕๕ หน้า ๑๑๓๑ สุนทรภู่ ก็ยังให้รับบทของนางม่วง ที่ให้ก� ำเนิดหนูนิล ในร่างของพระกฤษณา อาจเป็นเพราะคิดจบนิทาน จึงไม่สร้าง ตัวละครใหม่ขึ้นส� ำหรับนางม่วง ท้ายสุดสองชื่อตัวละครนี้ที่สุนทรภู่แต่งให้รับบทวุ่นวายก็ไปบวชชีใน จินตนาการกับพระอภัยมณี โดยวิธีการที่ไม่จ� ำกัดเช่นนี้ การวินิจฉัยจึงต้องใช้เหตุการณ์จริงและเวลาจริง เปรียบเทียบกับประวัติทั้งจริงและจิตนาการ ที่มีกล่าวอยู่ในบริบทอื่นพร้อมประสบการณ์และทักษะ มาช่วยก� ำหนดตัวละครว่าใครเป็นใคร หรือสุนทรภู่ก� ำลังแต่งด้วยเรื่องอะไรในขณะนั้น ยังเป็นที่น่าสังเกตอีกว่า ในหลายฉากหลายตอนของนิทานเรื่องนี้ หลายครั้งเป็นการแต่งในช่วง เดียวกับการเดินทางไปแต่งนิราศเรื่องต่าง ๆ ดังกล่าวมาบ้างแล้ว เนื้อหาของเรื่อง หลังฉาก รวมทั้งอารมณ์ ขณะท� ำการแต่งและค� ำที่ใช้ พบว่ามีส่วนเป็นเค้าเดียวกันกับในนิราศเรื่องนั้น ๆ แทบทุกเรื่อง โดยเฉพาะ ที่แต่งระหว่าง พ.ศ. ๒๓๗๓-๒๓๘๕ ดังนั้น หลักฐานที่เป็นปีแต่งเพลงยาวหรือนิราศแต่ละเรื่อง อีกทั้งข้อมูล เป็นปีของเหตุการณ์ในบ้านเมือง หรือปรากฏการณ์ธรรมชาติ ตลอดจนปีพระกรณียกิจตามพระประวัติของ เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ดังมีบันทึกอยู่ในพงศาวดารฉบับต่าง ๆ รวมทั้งประวัติศาสตร์ ที่สุนทรภู่น� ำมาปรับแต่งเป็น นิทานในแต่ละตอนให้ตัวละครต่าง ๆ เล่น จึงเป็นหลักฐานตามล� ำดับจริงที่ผู้เขียนได้น� ำมาใช้พิจารณาหา ปีแต่งแต่ละตอนของนิทาน ซึ่งมีอยู่รวมถึง ๖๔ ตอน หรือในทางกลับกัน ก็ใช้เป็นข้อพิจารณาว่า นิราศ บางเรื่อง เช่น “ นิราศภูเขาทอง ” “ นิราศวัดเจ้าฟ้า ” “ นิราศพระแท่นดงรัง ” ทั้ง ๒ ส� ำนวน “ นิราศอิเหนา ” หรือโดยเฉพาะนิทานเช่น “ จันทโครบ ” ที่มีปัญหาว่าใครเป็นผู้แต่ง แต่เมื่อแต่ละเรื่องยังมีเค้าตรงกันกับเวลา แต่งอยู่ในนิทาน เมื่อน� ำมาประกอบกับหลักฐานอื่น จึงกล่าวได้ว่าทั้งหมดเป็นของสุนทรภู่ พร้อมปีแต่ง ข้อมูล ที่ได้จึงช่วยต่อเติมประวัติของสุนทรภู่ให้สมบูรณ์ต่อเนื่องและชัดเจนขึ้น พร้อมกับเกียรติประวัติของสุนทรภู่ ยังมีค� ำกลอนในนิทานที่เหมือนจดจ� ำมาตอนท่องเที่ยว ฝึกมองธรรมชาติแล้วแต่งเป็นค� ำกลอน ที่ตรงกับในนิราศเช่น “ ระดะดาษดอกดวงบัวหลวงสลอน ” ของตอนที่ ๖๔ หน้า ๑๒๗๘ โดยสุนทรภู่เคยใช้ มาก่อนใน “ นิราศอิเหนา ” ส� ำหรับสถานที่ในนิทาน สุนทรภู่ให้รายละเอียดไว้ว่า เป็นที่ “ ริมกุฏีมีสระ ปทุมชาติ ” ส่วนในนิราศที่ว่า “ เห็นสระศรีที่เคยมาประพาส ” โดยมีฉากเป็นเขาหลวง และเรื่องกับนางงิ้ว ทศพร วงศ์รัตน์
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=