สำนักงานราชบัณฑิตยสภา

The Journal of the Royal Society of Thailand Vol. 41 No. 3 July-September 2016 12 “ ใช่จะแกล้งแต่งค� ำมาร� ำพัน คนทุกวันมักอย่างนี้มีอาเกียรณ์ จะร�่ ำไปอย่างไรก็ไม่หมด ขี้เกียจจดเหน็ดเหนื่อยเมื่อยมือเขียน ” ในกรณีดังกล่าว จึงเกิดประวัติที่เล่ากันมาว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ต้องทรง มีพระราชนิพนธ์ “ บทละครเรื่องไกรทอง ” เพราะสุนทรภู่คุยจนเข้าพระกรรณว่า ต้องเป็นไพร่อย่างตนเท่านั้น จึงจะแต่งเรื่องเป็นส� ำนวนค� ำปากตลาดได้ ส่วนการแต่งท� ำนองตามใจฉัน ซึ่งมีอยู่ไม่น้อย ก็เป็นการใช้ค� ำแปลกที่หาความหมายไม่ได้ สวนความสามารถของตนเอง แต่เหมือนเป็นมุก หรือค� ำท้าทาย ที่เหิมเกริม ในการใช้ภาษาไทยที่ไม่ต้อง คิดมากก็ได้ เพียงต้องการให้ได้สัมผัส ขณะเดียวกันก็เป็นการแสดงความกล้า ความสนุกส่วนตัว เหมือนไม่ แยแสว่าจะมีผู้อื่นแม้ที่เป็นนักกลอนด้วยกันติ ทั้งนี้ด้วยเพราะถือตัวที่มีความเป็นเลิศทางค� ำกลอน ท� ำให้ จะแต่งอย่างไรก็เป็นที่ยอมรับ เช่น เพียงในนิทานตอนที่ ๕ หน้า ๕๒, ๕๔, ๕๗, ๕๘, ๖๑, ๖๒, ๖๙ ก็มีกล่าวว่า “ เข้าไสยายามค�่ ำยิ่งร� ำจวน ” “ ฟ้าผี่เถิดจะไปว่าน่าบัดสี ” “ น้องจะได้ผ่อนพ้นทนทรมา ” “ พอถึงสวนสายแสง สุริย์ฉัน ” “ ท� ำเยื้องยักย� ำเยงเหมือนเกรงขาม ” “ วันนี้ร่างเรื่องสารให้ฉานมา ” “ ยิ่งขุ่นคิ่นคิดอายระคายเขิน ” อนึ่ง ตัวละครที่มีมากมาย ทั้งรุ่นใหญ่ รุ่นเล็ก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหญิงที่เป็นเพศเกี่ยวข้องกับชีวิต สุนทรภู่มากกว่าเพศชาย อีกทั้งมีหรือได้รับบทบาทมากมายที่เด่นไม่แพ้ตัวละครชาย หรือจะมากกว่า ด้วยซ�้ ำไป จนตลอดทั้งเรื่อง ตัวละครหลายคู่อาจเป็นคู่ชายหรือคู่หญิง ซึ่งสุนทรภู่สร้างขึ้นให้แยกรับบทหรือ ซ�้ ำบทที่เป็นประวัติ ที่ต่างกรรม ต่างเพศ ต่างพวก ต่างวาระกันของบุคคลจริง ก็มีซ้อนกันหลายคน เช่นตัว สุนทรภู่เอง ก็เริ่มด้วยการแยกบทเล่นเป็นพระอภัยมณีและศรีสุวรรณ ที่เดิมแต่งให้หมายถึงเจ้าฟ้ามงกุฎและ เจ้าฟ้าจุฑามณี ดังนั้น เมื่อได้โอกาส ทั้งสองตัวละครจึงได้รับฉากหรือบทเป็นนัยถึงตัวสุนทรภู่เอง คือให้มี หน้าตาเหมือนกัน เช่น เป็นค� ำกลอนในตอนที่ ๑๖ สินสมุทรจับศรีสุวรรณได้ หน้า ๒๔๑ ว่า “ มาไต่ถาม นามวงศ์สงสัยนัก เราเห็นพักตร์ดูละม้ายคล้ายบิดา ” หรือพาดพิงผ่านหนูพัดในหน้า ๒๔๒ ว่า “ แล้วว่าเจ้า เราพิศดูผิวพรรณ ช่างเหมือนกันกับพระพี่นี้กระไร ” หรือให้มีพฤติกรรมที่อื้อฉาวเหมือนกัน เช่น เป็นค� ำของ สินสมุทรในภาพของหนูพัดที่พยายามห้ามบิดามิให้ยุ่งเกี่ยวกับนางงิ้วที่มีสามีแล้ว ไว้ในตอนที่ ๓๗ หน้า ๗๐๐ ว่า “ เสร็จธุระจะไปบวชจนหนวดขาว มิให้ฉาวเช่นบิดาพระอาเลย ” ซึ่งให้ความหมายจากเค้าของพฤติกรรม ระหว่างพระอภัยมณีกับนางละเวงวัณฬา หรือในร่างศรีสุวรรณกับนางร� ำภาสะหรี นั่นก็คือ คดีตัวสุนทรภู่เอง กับนางงิ้วที่เพชรบุรี แต่ทั้งพระอภัยมณีและศรีสุวรรณในภาพต่อมาของสุนทรภู่ ก็ยังรับเค้าอื่นของบุคคลจริงผู้อื่นได้ อีกมากมาย เช่น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์ ก็มีเค้าอยู่ในตอนที่ ๘ อภิเษกศรีสุวรรณ (สวมกับการแต่งงานระหว่างสุนทรภู่กับนางนิ่ม) และตอนที่ ๒๒ พระอภัยมณีครองเมือง กวาวเครือ และดินโป่งเป็น ดินถนัน ถันสุธา นมพระธรณี ในนิทานพระอภัยมณีค� ำกลอน

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=